“สนธิรัตน์” เชิญค่ายภาพยนตร์ฮอลลีวูดเข้ามาถ่ายทำในไทย เผยรัฐมีนโยบายจูงใจ คืนค่าใช้จ่ายให้ 15-20% ของเงินที่นำเข้ามาลงทุน ยันไทยเข้มปราบสินค้าละเมิด ตั้งเป้า 6 ตลาดชื่อดังจะไม่มีของปลอมขายภายใน ก.ค.นี้ พร้อมขอเอกชนสหรัฐฯ ช่วยให้ข้อมูลรัฐบาลปลดไทยจากบัญชี PWL
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับ นายคริสโตเฟอร์ ดอดด์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานและผู้บริหารสูงสุดของสมาคมผู้สร้างภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (MPAA) และค่ายภาพยนตร์ของฮอลลีวูดที่เป็นสมาชิกของสมาคม ได้แก่ พาราเมาท์พิกเจอร์ โซนี่พิกเจอร์ ทเวนตี้เซ็นจูรี่ฟอกซ์ วอลท์ดิสนีย์ และวอร์เนอร์บราเธอร์ โดยได้แจ้งว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์สหรัฐฯ ในด้านต่างๆ รวมทั้งเชิญชวนให้ค่ายภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย เพราะสามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการจูงใจส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ที่กำหนดให้มีการคืนค่าใช้จ่ายที่ได้ใช้จ่ายในประเทศไทยในอัตราร้อยละ 15-20 ของเงินลงทุนในประเทศไทย
ทั้งนี้ ไทยยังได้ยืนยันกับสหรัฐฯ ว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามแนวทางประเทศไทย 4 .0 ที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งการกำหนดแผนปฏิบัติการด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Roadmap) ระยะ 20 ปี เพื่อปฏิรูประบบทรัพย์สินทางปัญญาทั้งระบบ โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นเรื่องที่สหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อไทยมาโดยตลอด
“ได้แจ้งสหรัฐฯ ถึงความคืบหน้าในด้านการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานปราบปรามที่เกี่ยวข้องบูรณาการในการทำงาน โดยมีเป้าหมายจัดการให้พื้นที่หลัก 6 พื้นที่ คือ ศูนย์การค้ามาบุญครอง ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ย่านการค้าคลองถม ย่านการค้าบ้านหม้อ ตลาดโรงเกลือ (สระแก้ว) และตลาดนัดจตุจักร จะต้องไม่มีสินค้าละเมิดวางจำหน่ายภายในเดือน ก.ค.นี้”
นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการละเมิดทางออนไลน์ โดยรัฐบาลได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ให้สามารถบล็อกเว็บไซต์หรือปิดกั้นงานละเมิดออนไลน์ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์สหรัฐฯ เห็นด้วยและให้การสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้ขอให้สมาคมฯ และค่ายภาพยนตร์ สนับสนุนในการผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถอดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) โดยเร็ว เช่นเดียวกับที่ MPAA ได้เสนอความเห็นให้ปรับสถานะไทยให้ดีขึ้นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่ง MPAA ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่