“นิตินัย” ยันทำสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีกับคิงเพาเวอร์ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ศึกษาประเมินมูลค่าลงทุนไม่เกินพันล้านตามหลักมาตรฐานสากล โดยมูลค่าทรัพย์สินสูงกว่าอายุสัญญา จึงนำมูลค่าส่วนที่เกินอายุสัญญานำไปคิดในการหาผู้ประกอบการครั้งถัดไป ยัน ทอท.บริหารสัญญาอย่างเคร่งครัด ระบุมติ ป.ป.ช. เมื่อ ธ.ค. 54 ยืนยันว่า ทอท.ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ แล้ว
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวว่า ทอท.ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ในกรณีการให้สัมปทานกับบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) และบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) เพื่อประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรและร้านค้าเชิงพาณิชย์ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานที่อยู่ในการกำกับดูแลของ ทอท.นั้น ขอชี้แจงว่า การดำเนินงานโครงการดังกล่าว การประเมินมูลค่าการลงทุนเป็นหน้าที่ของภาครัฐ โดย ทอท.ได้จ้างที่ปรึกษาประเมินมูลค่าการลงทุนทั้งสัญญาร้านค้าปลอดอากรของ KPD และการประมูลกิจกรรมเชิงพาณิชย์ของ KPS ซึ่งผลการศึกษาพบว่าทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท
ซึ่งการประเมินมูลค่าการลงทุนได้อิงราคาก่อสร้างของกิจการในลักษณะเดียวกัน และเมื่อภาครัฐประเมินราคาตามมาตรฐานที่ยอมรับได้ดังกล่าวแล้ว ผู้ลงทุนจะพิจารณาลงทุนจริงเป็นเท่าใดในขอบเขตงานขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ลงทุนที่จะเห็นเหมาะสมกับสภาพกิจการของตนต่อไป
ที่ผ่านมา ทอท.ได้เคร่งครัดในการบริหารสัญญามาโดยตลอด โดยหากมีการขยายพื้นที่การประกอบการ หรือมีการต่ออายุสัญญาสัมปทาน ทอท.จะคำนวณเม็ดเงินลงทุนส่วนเพิ่มตามสัดส่วนพื้นที่หรือระยะเวลาที่ขยาย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเมื่อรวมขอบเขตพื้นที่หรือระยะเวลาสัญญาเดิม กับขอบเขตพื้นที่หรือระยะเวลาส่วนที่ขยายเพิ่มขึ้นยังคงไม่เกินวงเงินตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ และ ทอท.ได้คิดค่าตอบแทนตามสัดส่วนของพื้นที่หรือระยะเวลาที่ขยายนั้นเพิ่มเติมด้วย
สำหรับข่าวที่ปรากฏตามสื่อมวลชนในช่วงนี้ อาจมีข้อสมมติฐานในการคำนวณบางข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น อาทิ การที่ไม่ใช้เม็ดเงินลงทุนทั้งหมดในการคำนวณมูลค่าการลงทุน ซึ่ง ทอท.ยืนยันว่าหลักการที่ ทอท.ใช้มูลค่าทรัพย์สินเฉพาะช่วงอายุสัญญาดังกล่าวเป็นหลักการที่ใช้กันในทางสากล เนื่องจากทรัพย์สินที่เกิดจากการลงทุนมีอายุการใช้งานนานกว่าอายุสัญญามาก ดังนั้น มูลค่าทรัพย์สินในส่วนที่เกินอายุสัญญาจึงควรนำไปคิดในการหาผู้ร่วมทุน หรือผู้ประกอบการครั้งถัดไป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ใช้ทรัพย์สินจริงในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ การประเมินมูลค่าการลงทุนตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ยังมีหลักการคำนวณทางเทคนิคที่อาจทำความเข้าใจได้ยากสำหรับบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในสายวิชาชีพเฉพาะ แต่ ทอท.ขอยืนยันให้มั่นใจได้ว่า การประเมินมูลค่าการลงทุนตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ดังกล่าวเป็นไปด้วยความโปร่งใส ถูกต้อง
ตามหลักวิชาการ โดยจากการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีที่ผู้เกี่ยวข้อง “ทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เพื่อช่วยเหลือกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ให้เป็นผู้ประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและภูมิภาค และได้รับสิทธิในการบริหารกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542” นั้น
ได้ข้อสรุปเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 โดย ป.ป.ช.ได้มีมติว่า “จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่า (ชื่อ ผู้ที่เกี่ยวข้อง) กับพวกร่วมกันหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 และกีดกันให้ผู้เสนอราคารายอื่นมิให้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม โครงการบริหารร้านค้าปลอดอากร และโครงการบริหารกิจกรรมพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาเป็นอันตกไป”
ซึ่งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.สามารถยืนยันถึงความถูกต้องในการปฏิบัติตามกฎหมายของคณะกรรมการและผู้บริหาร ทอท.ในอดีต ดังนั้น การกล่าวหาว่า ทอท.ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ อันเป็นเหตุให้เกิดความบกพร่องในการบังคับใช้สัญญาที่เกิดขึ้นก่อนหน้าของคณะกรรมการและผู้บริหาร ทอท.ชุดปัจจุบันตามที่เป็นข่าว อาจสร้างความสับสนแก่ประชาชนและนักลงทุน อันนำมาซึ่งความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ทอท. ซึ่งยึดแนวทางการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาลของรัฐบาล ดังนั้น ทอท.จึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างแพร่หลายต่อไป