บอร์ด ขสมก.ไฟเขียวเซ็นสัญญากับ บริษัท ช.ทวีฯ ติดตั้งระบบ e-Ticket ในวงเงิน 1,665 ล้าน ต่ำกว่าราคากลาง 121 ล้าน รอเพียงอัยการตรวจร่างสัญญา พร้อมเดินหน้าเร่งติดตั้งล็อตแรก 100 คันใน 120 วัน ล็อตต่อไป 700 คันใน 1 ต.ค. รองรับตั๋วร่วม “แมงมุม” โดยครบ 2,600 คันภายใน 1 ปี เผยเอกชน 12 รายแห่ซื้อซองประมูล NGV 489 คัน ด้าน “เบสท์รินฯ” โผล่ซื้อด้วย
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ได้มีมติเห็นชอบให้ ขสมก. ดำเนินการลงนามสัญญา ในโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ (e-Ticket) บนรถโดยสารประจำทางจำนวน 2,600 คัน ระยะสัมปทาน 5 ปี ซึ่งบริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะประมูลที่วงเงิน 1,665 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 1,786.59 ล้านบาท ประมาณ 121 ล้านบาท
โดยหลังลงนามสัญญา บริษัทจะต้องติดตั้งระบบที่ใช้สแกนบัตรโดยสาร (e-Ticket)และเครื่องเก็บค่าโดยสาร (Cash Box) ในรถโดยสาร 100 คันแรกภายใน 120 วัน ส่วนล็อตที่ 2 จำนวน 700 คัน ทยอยติดตั้งระบบที่ใช้สแกนบัตรโดยสารก่อนให้ครบภายในวันที่ 1 ต.ค. 60 หรือภายใน 180 วัน นับจากวันลงนามสัญญา เพื่อเริ่มให้บริการ และเชื่อมโยงกับระบบตั๋วร่วม หรือบัตรแมงมุม จากนั้นจึงทยอยติดตั้งให้ครบ 2,600 คัน ภายใน 1 ปี
ส่วนความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) 489 คัน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ได้ขายซองเอกสารประกวดราคาตั้งแต่วันที่ 25-31 พ.ค. พบว่ามีเอกชนสนใจซื้อซองประกวดราคาทั้งหมด 12 ราย คือ 1. บริษัท แม่โขงเทคโนโลยี จำกัด 2. บริษัท เค.แอนด์ คิว.แอสโซซิเอทส์ จำกัด 3. บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท ไทยเทคโนโลยีแอนด์เดเวลลอปเมนท์ จำกัด 5. บริษัท รังสรรค์การท่องเที่ยว จำกัด 6. บริษัท เจพีเอเชียโกลบอล จำกัด 7. บริษัท พีเอสเค คอนซัลแทนส์ จำกัด 8. กิจการร่วมค้า เจวีซีซี 9. บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด 10. บริษัทแสงเจริญทูลส์เซ็นเตอร์ จำกัด 11. บริษัทไทยเจริญยางบริการ จำกัด และ 12. บริษัท ไทยบัสกลการ จำกัด
ทั้งนี้ เบสท์รินฯ ยังสามารถเข้าซื้อเอกสารประกวดราคาได้ แม้ได้รับการขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว เนื่องจากเป็นการเปิดขายซองโดยทั่วไป ทุกคนมีสิทธิ์เข้าซื้อได้ แต่จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นขั้นแรกอีกชั้น
โดยจะเปิดรับซองคุณสมบัติและข้อเสนอด้านเทคนิคในวันที่ 12 มิ.ย., แจ้งผลการคัดเลือกผู้มีสิทธิเสนอราคาวันที่ 19 มิ.ย., เปิดให้เอกชนเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) วันที่ 26 มิ.ย. จากนั้นจะสรุปผลการประมูล และเสนอผู้อำนวยการ ขสมก. วันที่ 27 มิ.ย. นำเสนอคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. วันที่ 28 มิ.ย. ลงนามสัญญาเดือน ก.ค. และส่งมอบรถโดยสารภายในวัน 90 วัน หรือเดือน ต.ค.นี้
ทั้งนี้ ที่ประชุมบอร์ดได้มีการหารือเกี่ยวกับราคา ซึ่งในการประมูลก่อนหน้าทางบริษัท เบสท์รินฯ เป็นผู้ชนะด้วยวงเงิน 3,387 ล้านบาท โดยให้ ขสมก.ทำหนังสือหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าควรใช้ราคากลางแบบใด เช่น ขสมก.กำหนดราคาเองหรือใช้ฐานราคาจากผลการประชุมครั้งล่าสุด กับวงเงินที่บริษัทเบสท์รินเคยชนะประมูลหรือไม่ ซึ่งมีวงเงิน 3,389,710,819.50 บาท โดย ขสมก.จะสอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และต้องให้ได้ข้อยุติก่อนกำหนดยื่นเอกสารประกวดราคาในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ซึ่งหาก ป.ป.ช.ระบุให้ใช้ราคาตามที่เบสท์รินฯ เสนอก็ต้องไปปรับแก้ TOR และเปิดประกวดราคาใหม่
ส่วนความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถโดยสารไฟฟ้า 200 คันนั้น หลังจากให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่ปรึกษาโครงการไปทบทวน รวมทั้งศึกษารายละเอียดคุณสมบัติของตัวรถเมล์ไฟฟ้าเพิ่มเติม เช่น ราคาแบตเตอรี่ ที่ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยได้ข้อสรุปว่าราคารถเมล์ไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณคันละกว่า 10 ล้านบาท (หากรวมภาษีจะอยู่ที่คันละ 15 ล้านบาท) ซึ่ง ขสมก.จะเสนอขอรัฐบาลยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับโครงการนี้
โดยขั้นตอนจากนี้คณะกรรมการร่าง TOR จะสรุปร่างและประกาศขึ้นเว็บไซต์เป็นครั้งที่ 2 ในอีก 1 สัปดาห์ และคาดว่าจะเปิดประกวดราคารถโดยสารไฟฟ้าได้ปลายเดือนมิถุนายน 2560
นายสมศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ขสมก.จะนำส่งแผนการจัดหารถโดยสารที่ปรับปรุงใหม่ไปยังกระทรวงคมนาคมเพื่อเตรียมเสนอ ครม. โดยได้ปรับเป็นการจัดหารถโดยสาร NGV 489 คัน รถโดยสารไฟฟ้า 200 คัน ปรับปรุงสภาพรถเก่า 649 คัน และจะจัดหารถใหม่เพิ่มอีก 1,665 คัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างว่าจ้างให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษาพลังงานว่าควรใช้รูปแบบใดจึงจะเหมาะสมสุด ซึ่งจะมี 2 รูปแบบ คือ เป็นรถโดยสารที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ราคาอยู่ที่ 10 ล้านบาทต่อคัน หรือรถโดยสารที่ใช้พลังงานแบบ 2 ระบบ (Hybrid) ราคาอยู่ที่ 7 ล้านบาทต่อคัน โดยจะได้ข้อสรุปในเดือนกรกฎาคมนี้