เงินเฟ้อเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.13% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 25 เดือน เหตุได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันขึ้นแรง ส่วนยอดทั้งปีบวก 0.19% เป็นไปตามกรอบที่วางไว้ พร้อมยืนยันเป้าเงินเฟ้อปี 60 อยู่ที่ 1.5-2.0% เหมือนเดิม
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ธ.ค. 2559 เท่ากับ 106.93 เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 0.13% เทียบกับเดือน ธ.ค. 2558 เพิ่มขึ้น 1.13% ถือเป็นการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 25 เดือน นับจากเดือน พ.ย. 2557 ที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 1.26% และเงินเฟ้อรวม 12 เดือนของปี 2559 (ม.ค.-ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 0.19% ซึ่งเป็นไปตามกรอบที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ว่าจะขยายตัว 0.0-1.0%
“เงินเฟ้อเดือน ธ.ค.ที่เพิ่มสูงขึ้น 1.13% ได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลัก เพราะในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2559 น้ำมันได้กลับมาเป็นตัวเร่งอัตราเงินเฟ้อ ส่วนสินค้ารายการอื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้นไม่มาก ซึ่งถือว่าเงินเฟ้อที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ถือเป็นเงินเฟ้ออย่างอ่อน และอยู่ในเกณฑ์ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป”
สำหรับรายละเอียดของเงินเฟ้อเดือน ธ.ค.ที่เพิ่มขึ้นมาจากการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1.36% โดยสินค้าสำคัญที่สูงขึ้น เช่น เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ เพิ่ม 1.25% ไข่และผลิตภัณฑ์นม เพิ่ม 0.77% ผักและผลไม้ เพิ่ม 5.15% เครื่องประกอบอาหารเพิ่ม 1.84% อาหารบริโภคในบ้าน เพิ่ม 0.98% นอกบ้าน เพิ่ม 0.99% ส่วนข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลด 1.36%
ขณะสินค้าหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้น 1% โดยน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 12.21% หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เพิ่ม 12.98% การขนส่งและการสื่อสารเพิ่ม 3.01% การรักษาและบริการส่วนบุคคลเพิ่ม 0.58% เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า เพิ่ม 0.17% การบันเทิง การอ่านและการศึกษาเพิ่ม 0.52% ส่วนหมวดเคหสถานลด 1.18%
ทางด้านเงินเฟ้อพื้นฐานของไทยที่หักสินค้าอาหารสดและน้ำมันเชื้อเพลิงออกจากการคำนวณ พบว่าในเดือน ธ.ค. 2559 เงินเฟ้อพื้นฐานมีค่าเท่ากับ 106.90 เพิ่มขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และสูงขึ้น 0.74% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 2558 ส่วนเฉลี่ยทั้งปี 2559 เพิ่มขึ้น 0.74%
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังคงยืนยันเป้าหมายเงินเฟ้อของปี 2560 อยู่ที่ 1.5-2.0% ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีสมมติฐานมาจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 3.0-3.5% ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 45-55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 35.5-37.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเป้าหมายเงินเฟ้อที่สอดคล้องกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ประเมินว่าจะบวกลบอยู่ที่ 1%