xs
xsm
sm
md
lg

“โออิชิ”จัดพอร์ตโละSKU50% ดันฟรุตทีเพิ่มแชร์ขยายวัยรุ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360 – “โออิชิ” จัดพอร์ตสินค้าใหม่ ตัดทิ้งกว่า 50% จาก136 เอสเคยูเหลือ 70 กว่าเอสเคยู พร้อมขยายช่องทางเทรดดิชันนัลเทรดมากขึ้น ส่งผลเพิ่มแชร์กว่า 10% เป็นผู้นำตลาดชาเขียวรวมกว่า 43% ผลักดันกลุ่มฟรุตทีเป็นพระเอกต่อจากนี้ ประเดิมรสชาติใหม่พร้อมนวัตกรรมขวดเปลี่ยนสี
นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้จัดพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มชาเขียวใหม่ ซึ่งขณะนี้ถือได้ว่าจัดเรียบร้อยแล้ว จากเดิมที่มีมากกว่า 136 เอสเคยู ในทุกรสชาติ ทุกไซส์ เหลือเพียง 70 กว่าเอสเคยูเท่านั้น เพื่อให้สามารถจัดการทำตลาดและบริหารช่องทางจำหน่ายได้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันได้หันมามุ่งเน้นช่องทางจำหน่ายแบบเทรดดิชันนัลเเทรดมากขึ้น
จากการจัดสินค้าและเน้นช่องทางเทรดดิชันนัลเทรดใหม่ดังกล่าว ช่วยทำให้โออิชิสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้มากกว่า 10% ปัจจุบันโออิชิมีส่วนแบ่งตลาดเชิงคอร์ปอเรทรวมมากกว่า 43% แซงหน้าคู่แข่งคืออิชิตันที่อยู่อันดับที่สองมีแชร์รวม 40.8% เท่านั้น (ข้อมูลเฉลี่ยเดือนมกราคม – ตุลาคม 2559 )
โดยสัดส่วนรายได้ของโออิชิจากรายได้รวม แยกเป็นแต่ละเซกเมนต์ได้ดังนี้ โออิชิกรีนที สัดส่วนรายได้ 63% โออิชิฟรุตที สัดส่วน 17% โออิชิเฮอร์เบิลเช่น จับใจ สัดส่วน 15% และที่เหลือเป็นอื่นๆเช่น ชาดำ ชาพรีเมียม เป็นต้น ทั้งนี้ ตลาดชาเขียวออริจินัลยังคงเป็นตลาดหลัก โดยมีรสชาติกรีนทีเลมอนเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด
อย่างไรก็ตาม ชาเขียวผลไม้หรือฟรุตทีกลับเป็นเซกเมนต์ที่มีการเติบโตมากที่สุดในตลาดรวมในเวลานี้ คือ ประมาณ 30% ทั้งนี้ฟรุตทีเป็นกลุ่มที่สำคัญในการผลักดันการเติบโตรวมมูลค่าตลาดรวม 2,160 ล้านบาท
แผนตลาดจากนี้โออิชิจะหันมาผลักดันเซกเมนต์ฟรุตทีมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่สามารถจับตลาดได้กว้างคือ กลุ่มที่ดื่มชาเขียวและกลุ่มที่ดื่มน้ำผลไม้ได้ด้วย ล่าสุดคือ การออกรสชาติใหม่ โออิชิกลิ่นซากุระ สตรอเบอร์รี่ มีลุกเนคือ ฉลากที่ติดข้างขวด ในส่วนของดอกซากุระสีขาวสามารถเปลี่ยนเป็นสีชมพูได้เมื่อบรรจุภัณฑ์มีความเย็น ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่เรียกว่า เธอร์โมโครมิกส์ ชริงค์ ลาเบล มี 2 ขนาดคือ 380 มลฦ และ 500 มล. ผลิตมา 1 ล้านขวด คาดว่าจะจำหน่ายเฉพาะแค่ 2 เดือนเท่านั้น โดยใช้งบการตลาด 70 ล้านบาท ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ออนกราวนด์ เพื่อต้องการขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มหลักของโออิชิคือ อายุ 15 - 2– ปี ซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 44%
“แต่ละปีเราจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่และผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอย่างน้อย 1-2 ครั้ง ซึ่งปีนี้ได้วางตลาด โออิชิองุ่นเคียวโฮ ชาเขียวเคี้ยวได้ผสมวุ้นมะพร้าว รวมทั้งการสื่อสารดิจิตอลเชิงรุก ทำให้ภาพรวมแบรนด์ของโออิชิเป็นที่ยอมรับในกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น ทั้งนี้จากการสำรวจความแข็งแกร่งของแบรนด์โออิชิล่าสุด พบว่า ภาพลักษณ์แบรนด์โออิชิที่เหมาะสมกับกลุ่มวัยรุ่น เติบโต 79% และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นแบรนด์ที่มีนวัตกรรมต่อเนื่องถึง 84% อีกด้วย” นางเจษฎากรกล่าว
สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2559 นี้ มีรายได้รวมมากกว่าทั้งปี2558 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมกว่า 13,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้ กลุ่มอาหารและกลุ่มเครื่องดื่มอย่างละ 50% เท่ากัน
ก่อนหน้านี้ทางโออิชิได้แจ้งผลประกอบการหลังจากที่ได้มีการปรับเปลี่ยนรอบปีบัญชีใหม่ไปแล้ว จากวันที่ 1 ม.ค.- 31 ธ.ค. เป็นวันที่ 1 ต.ค.- 30 ก.ย.ของทุกปี โดย ภาพรวมประจำปีงบประมาณ 2559 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 30 ก.ย. 59 มีรายได้จากการขายรวม 10,399 ล้านบาท เพิ่ม 8% แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจอาหาร 4,906 ล้านบาท และธุรกิจเครื่องดื่ม 5,493 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 887 ล้านบาท เพิ่ม 90% แบ่งเป็นกำไรสุทธิจากธุรกิจอาหาร 88 ล้านบาท เพิ่ม 183% และธุรกิจเครื่องดื่ม 799 ล้านบาท เพิ่ม 83%



กำลังโหลดความคิดเห็น