ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดชาเขียวปีที่แล้วตกลง 5% คาดปีนี้ทรงๆ 1.5 หมื่นล้านบาท โออิชิปลื้มปีที่แล้วเติบโตสวนตลาด พร้อมโชว์ส่วนแบ่งชาเขียวพร้อมดื่มเพิ่มเป็น 50% ทุ่มงบ 300 ล้านบาทอัดแคมเปญแรงมูลค่ารวม 86 ล้านบาทมากที่สุดที่เคยจัดมา ด้านอิชิตันอัดแคมเปญเด็ดกระตุ้นตลาด พร้อมเล็งเป้าหมายหลักโหมตลาดซีแอลเอ็มวีทดแทนตลาดชาเขียวในไทยนิ่ง
นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดรวมเครื่องดื่มชาเขียวปีที่แล้ว 2559 ตกไปประมาณ 3-5% และคาดว่าปีนี้คงไม่มีอัตราการเติบโตเท่าใดจากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท เป็นเพราะปัญหาทั้งด้านภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดเครื่องดื่มอื่นอีกด้วย ซึ่งต้องขับเคลื่อนด้วยการจัดทำโปรโมชันเป็นหลัก โดยเฉพาะช่วงซัมเมอร์นี้
อย่างไรก็ตาม ในปีที่แล้วตลาดชาพร้อมดื่มโดยรวมแบรนด์โออิชิมีการเติบโตประมาณ 12% และสามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดชาพร้อมดื่มโดยรวมได้ 47.4% ขณะที่คู่แข่งอีกแบรนด์มีแชร์ 37.4% ส่วนมองในแง่เซกเมนต์ชาเขียวพร้อมดื่ม โออิชิมีแชร์ 50.1% ส่วนคู่แข่งอีกแบรนด์มีแชร์ชาเขียวพร้อมดื่ม 31.8% ทั้งนี้ โออิชิสามารถขยับส่วนแบ่งตลาดในช่องทางเทรดิชันนัลเทรดได้เพิ่มขึ้นเป็น 52.2% จากเดิมอยู่ที่ 47% ส่วนคู่แข่งอีกแบรนด์มีส่วนแบ่งช่องทางนี้ 36.3%
ความสำเร็จนี้ของปีที่แล้วเป็นผลมาจากการที่โออิชิมีนวัตกรรมโออิชิองุ่นเคียวโฮที่ขายดีสุดอันดับ 1 ในเวลา 1 ปี รวมทั้งโออิชิซากุระสตรอเบอร์รีสร้างกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์ ส่งให้ทั้งสองรสชาตินี้เพิ่มยอดขายรวมให้เติบโต 21% และยังสามารถขยายฐานผู้ดื่มอายุ 15-29 ปี ได้เพิ่มเป็น 44% จากเดิมมีแค่ 39%
ล่าสุดช่วงซัมเมอร์ปี 2560 นี้ โออิชิใช้งบตลาดกว่า 300 ล้านบาทจัดแคมเปญ “รหัสโออิชิ แจกหนัก ซูโม่ทองคำ กองทัพยามาฮ่า” โดยมีซูโม่ยักษ์ทองคำหนัก 10 บาท รวม 4 รางวัล และจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟีโน่ 1,000 คัน รวมมูลค่ารางวัล 86 ล้านบาทมากที่สุดที่เคยมีมา เริ่มวันนี้-31 พ.ค.ศกนี้ และคาดว่าจะช่วยทำให้ยอดขายซัมเมอร์ปีนี้ของโออิชิเติบโต 15% จากปีที่แล้วซัมเมอร์โต 10% ส่งผลให้ทั้งปีคาดว่าโออิชิจะเติบโตประมาณ 10% ซึ่งการจับมือกับยามาฮ่าจะทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถขยายฐานการตลาดได้ทั้งคู่ โดยเฉพาะยามาฮ่าจะได้ฐานลูกค้าคนต่างจังหวัดมากขึ้น ส่วนโออิชิก็จะได้ลูกค้าวัยรุ่นมากขึ้นเช่นกัน
“แรกเริ่มตลาดชาเขียวเกิดขึ้นมาจากนวัตกรรม แต่เมื่อมีคู่แข่งมากขึ้นก็หันมาจัดโปรโมชันกันรุนแรง ทำให้ต่อมาตลาดชาเขียวโตเพราะแคมเปญโปรโมชัน ผู้บริโภคจะรออย่างเดียวว่าซัมเมอร์นี้มีแคมเปญอะไร ทำให้ชาเขียวต้องมีการจัดโปรโมชันที่รุนแรงตลอดทุกปี โดยแฉพาะช่วงซัมเมอร์ที่มีสัดส่วนยอดชาเขียวมากกว่า 40% ของทั้งปี” นางเจษฎากรกล่าว
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2560 นี้บริษัทฯ ได้ตั้งทีมงานฝ่ายต่างประเทศขึ้นมาใหม่เป็นการเฉพาะ จากเดิมที่ไปแฝงอยู่ในฝ่ายการตลาด ทั้งนี้เพื่อเป็นการรุกตลาดต่างประเทศเต็มที่ โดยเฉพาะการรุกตลาดซีแอลเอ็มวีในเบื้องต้นนี้
โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวมต่างประเทศปี 2560 นี้ไว้ที่ 500 ล้านบาท จากเดิมปีที่แล้วทำได้เพียง 100 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งมีเพียงตลาดเดียวที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นการส่งออกสินค้าจากไทย แต่ปีนี้โรงงานของพันธมิตรที่อินโดนีเซียที่อิชิตันว่าจ้างผลิตแบบโออีเอ็มเริ่มผลิตสินค้าอิชิตันวางจำหน่ายได้แล้ว มีกำลังผลิตตามสัญญาอิชิตัน 4 ล้านลังต่อปี
สำหรับตลาดต่างประเทศจะทำการแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์ในแต่ละตลาด ในปีนี้เตรียมที่จะขยายตลาดไปยัง พม่า ลาว กัมพูชา บางประเทศอาจจะทำตลาด 1-2 แบรนด์ ไม่เหมือนกันแล้วแต่ตลาด และทำตลาดที่อินโดนีเซียมากขึ้น ด้วยการจัดโปรโมชันอินสแตนท์วินเป็นครั้งแรกในอินโดนีเซีย เพราะตลาดรวมชาเขียวที่อินโดนีเซียแข่งขันสูง ด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 70,000 ล้านบาท มีหลายแบรนด์ท้องถิ่นทำตลาดอยู่
“ตลาดชาเขียวในไทยไม่ได้เติบโตนิ่งๆ มา 2-3 ปีแล้ว คงไม่ได้โตมากกว่านี้ เราจึงต้องขยายธุรกิจด้วยการทำตลาดชาเขียวในต่างประเทศมากขึ้น ส่วนในไทยต้องรักษาฐานตลาดไว้ และขยายตลาดเครื่องดื่มสุขภาพมากขึ้นด้วย ทั้งการออกแบรนด์ใหม่ และการออกรสชาติใหม่ในแบรนด์เดิม ทั้ง อิชิตัน ไบเล่ เย็นเย็น” นายตันกล่าว
นายตันกล่าวว่า ส่วนในประเทศไทยยังคงต้องทำตลาดต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งงบการตลาดรวมไว้ที่ 12% ของยอดขายรวม จากปีที่แล้ว 2559 ยอดขายยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะต้องแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมปี 2560 นี้ 7,450 ล้านบาท
ปัจจุบันคอร์ปอเรตแชร์ของบริษัทฯ มีประมาณ 40.4% ส่วนคู่แข่งอีกแบรนด์มีคอร์ปอเรตแชร์ประมาณ 43.4% ส่วนในแง่ส่วนแบ่งตลาดเฉพาะแบรนด์อิชิตันชาเขียว นายตันอ้างว่าจำไม่ได้ว่ามีแชร์เท่าใด โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจาก ชาเขียวอิชิตัน 60% แบรนด์เย็นเย็น 36% และแบรนด์ไบเล่ 4%
ล่าสุดทุ่มงบประมาณ 120 ล้านบาทจัดแคมเปญ “อิชิตัน ทัวร์เจแปนสุดหรู เคียงคู่ 40 ซุป'ตาร์” ใช้งบรวม 120 ล้านบาท รางวัลใหญ่แพกเกจทัวร์ญี่ปุ่นกับซุป'ตาร์ ไอโฟน 7 จำนวน 400 รางวัล ซึ่งปกติหน้าร้อนจะเติบโต 20% อยู่แล้ว เมื่อจัดแคมเปญจะทำให้โตอีก 25-30% รวมแล้วซัมเมอร์จะเติบโตกว่า 45%
สำหรับปีนี้อิชิตัน กรุ๊ป เลือกที่จะมอบรางวัลใหญ่เป็นทริปสุดหรูในฝันที่หลายคนคาดไม่ถึง และฟินยิ่งกว่าด้วยการเทียบเชิญซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของเมืองไทยบินลัดฟ้าร่วมทริปหรรษาด้วยกันถึง 40 คน รับประกันว่าแซบครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นสายพระเอก นางเอก ดาราสุดฮอตแถวหน้าของวงการได้ แก่ เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ, สน-ยุกต์ ส่งไพศาล, ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี, สกาย-วงศ์รวี นทีธร, ตงตง-วุฒิภัทร โอภาสตระกูล, ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์, ซอ จียอน, ไอซ์-อามีนา กูล, ยิปซี-รมิตา มหาพฤกษ์พงศ์, วิว-วรรณรท สนธิไชย, อองตวน ปินโต และท็อป-เทวินทร์ สุรเชิดเกียรติ
แก๊งซีรีส์สุดฮา เพชร-เผ่าเพชร เจริญสุข, เต๋อ-รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์, ปิงปอง-ธงชัย ทองกันทม และไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ ก๊วนนักร้อง ดีเจเสียงใส ดีเจนัน-สุนันทา ยูรนิยม, ดีเจเเม็กซ์-ณัฐวุฒิ เจนมานะ, ดีเจโอปอล์-ประพุทธ์ พิมพามา ร่วมด้วย เอกชัย ศรีวิชัย, ติ๊ก-ชีโร่ และบุคคลสุดเซอร์ไพรส์อย่าง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่งานนี้ขอร่วมบินลัดฟ้าไปมอบความสุขแก่ผู้โชคดีอย่างใกล้ชิดด้วย
นอกจากนี้ยังมีเน็ตไอดอลขวัญใจวัยใส บูม-กฤตภัค อุดมพานิช, บีม-บุณยกร รัตนอำนวยชัย, บอส-ณัชพงศ์พล สุดดี, ต้นหน ตันติเวชกุล, เจ-กวิน ปัจฉิมกุล, ฟรอยด์-ภาวิดา เมฆศรีสุวรรณ, แบมสายย่อ หรือแบม-สกุลกาญจน์ วิจิตรสิทธิไพศาล รวมถึงก๊วนเซ็กซี่ขี้เล่นดีกรีเน็ตไอดอล มุกกี้ แซ่บ-ชณิตา ภูวพิพัฒน์, เบิร์นไฟ ใบเฟิร์น-อิศรา ธรรมเนียม, ภา-ภาวิณี ตติยขจรเลิศ,
โบกิ-ภาสินี บุญรอด, ถิงถิง-สุทัสสา สุธรรมจินดากุล, มันแกว-รุ่งตะวัน ชัยหา, เดจาวู หรือจา-จารุนันท์ ทวีปัญญา และแอดมินตัวจี๊ดขวัญใจสายโซเชียลอย่าง เรน ทหารม้าโยโกฮามา, Lowcostcosplay และ อีเจี๊ยบ เลียบด่วน