“อัครา” แถลงการณ์เลิกจ้างพนักงาน 1 พันคนสิ้นปีนี้ หลัง “บิ๊กตู่” ประกาศใช้ ม.44 สั่งปิดเหมืองทองทั่วประเทศ ด้านกระทรวงอุตสาหกรรมมั่นใจรัฐไม่ถูกฟ้องเหมือนค่าโง่ทางด่วน เนื่องจากรัฐทำเพื่อประชาชน
นายเกรก ฟาวลิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ออกคำสั่งระงับการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) มีผลวันที่ 1 ม.ค. 2560 ว่าตนได้ลงนามในหนังสือแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าว โดยรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่มีการประกาศใช้คําสั่งดังกล่าวออกมา ทางบริษัทฯ จำต้องยื่นจดหมายเลิกจ้างให้แก่พนักงานทุกคนในบริษัทที่มีรวมกว่า 1,004 คน โดยจะมีผลทันทีในวันที่ 31 ธ.ค. 2559 และบางส่วนจะมีผลในวันที่ 31 ม.ค. และวันที่ 28 ก.พ. 2560 ตามลำดับ
โดยเป็นพนักงานของบริษัท อัครา 336 คน และพนักงานที่จ้างอยู่ในบริษัทที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ บริษัท โลตัสฮอล วิศวกรรมเหมืองแร่และก่อสร้าง จำกัด 458 คน, บริษัท บอร์ท ลองเยียร์ จำกัด 28 คน, บริษัท ทีเคพีวี จำกัด 20 คน, บริษัท เมโทรแมชีนเนอรี่ จำกัด 67 คน, บริษัท แอตลาส คอปโก้ (ประเทศไทย) จำกัด 20 คน, บริษัท ริสค์โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด 40 คน และผู้รับเหมาก่อสร้างอื่นๆ 35 คน
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทำการรับผิดชอบจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างงานให้แก่พนักงานทุกท่านตามกฎหมายระบุไว้อย่างครบถ้วนทุกประการ โดยพนักงานจะได้รับเงินค่าเลิกจ้างสูงสุดถึง 300 วัน สำหรับพนักงานที่ร่วมงานกับบริษัทมาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
“บริษัท อัครา รีซอร์สเซส ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ และถูกต้องเสมอมา เราขอยืนยันว่าเราไม่เคยดำเนินการใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชนที่เราเปิดดำเนินการ ชุมชนที่เราอยู่อาศัยเลย”
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้มอบหมายให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัทดังกล่าวเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งมาตรา 44 ที่มีผลให้ระงับการออกอาชญาบัตร ประทานบัตร และใบอนุญาตประกอบโลหกรรม เพื่อให้บริษัทดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำที่มีผู้ร้องเรียนและคัดค้านการประกอบกิจการมาโดยตลอด จนกว่าจะมีคณะกรรมการแร่แห่งชาติที่จะได้รับแต่งตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จะมีมติเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ แม้ พ.ร.บ.แร่ฉบับใหม่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จึงยังไม่มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย และยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแร่แห่งชาติเข้ามาทำหน้าที่ หรือแม้จะมีคณะกรรมการแร่แห่งชาติขึ้นมาพิจารณาดำเนินการใดๆ กับบริษัทแล้วก็ตาม ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะไม่รอนสิทธิของผู้ประกอบการ โดยเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถยื่นฟ้องภาครัฐต่อศาลปกครองได้
“เบื้องต้นคิดว่าภาครัฐคงไม่ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายเหมือนกรณีค่าโง่ทางด่วน เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน”
