พิจิตร - จังหวัดพิจิตรเร่งถกแนวทางช่วยเหลือแรงงานเหมืองทอง หลังถูกสั่งปิดตามมาตรา 44 ตั้งแต่สิ้นปีนี้ ล่าสุดบริษัททยอยยื่นซองขาวเลิกจ้างพนักงาน พร้อมจ่ายชดเชยแล้ว คาดกระทบเศรษฐกิจของจังหวัดฯ 0.7%
หลังจากเหมืองแร่ทองคำอัครา ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด นายพิษณุ เสนาวิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้เป็นประธานการประชุม เพื่อเตรียมมาตรการช่วยเหลือคนงานจากเหมืองแร่ทองคำอัครา ที่ถูกสั่งปิดตามมาตรา 44 ตั้งแต่สิ้นปีนี้เป็นต้นไป
ผู้แทนสำนักงานคลังจังหวัดพิจิตรแจ้งว่า การปิดเหมืองทองอัครา ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจของพิจิตร ร้อยละ 0.7 ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหมู่บ้านที่อยู่รอบเหมืองทอง ซึ่งเคยได้รับการสนับสนุนด้านสวัสดิการต่างๆจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงทางอ้อมมากพอสมควร
ขณะที่คนงานที่จะถูกปลดออก หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานได้รับขึ้นทะเบียนไว้แล้ว 56 คน โดยจะให้มีการฝึกอาชีพ ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างทำขนม ช่างเย็บจักรอุตสาหกรรม รวมถึงการนวดแผนไทย เพื่อเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพต่อไป
ส่วนหน่วยงานด้านสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ได้จัดเตรียมข้อมูล แผนและกรอบการดำเนินการร่วมกับส่วนกลางในการลงพื้นที่แก้ปัญหาคุณภาพชีวิตประชาชน และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมพื้นที่รอบเหมืองทอง-ใกล้เคียงต่อไป
ด้านบริษัท อัครา รีซอร์สเซสฯ ที่ประกาศ ระงับการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2560 เป็นต้นไป จนกว่าคณะกรรมการจะมีมติเป็นอย่างอื่น และบริษัทฯได้ยื่นจดหมายเลิกจ้างให้กับพนักงานในบริษัท โดยจะมีผลทันที่ในวันที่ 31 ธ.ค.59 บางส่วนจะมีผลในวันที่ 31 ม.ค.และ 28 ก.พ.60 ตามลำดับ โดยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย ซึ่งพนักงานบางรายจะได้รับเงินค่าเลิกจ้างสูงสุดถึง 300 วัน
นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไปบริษัทฯ กล่าวว่า หลังจากสิ้นปีนี้ เหมืองทองฯอาจจะยังคงมีพนักงานเหลืออยู่ประมาณ 30 คน เพื่อดูแลทรัพย์สิน และเคลียร์งานระบบบัญชี ส่วนแนวทางความเป็นไปได้ว่า จะกลับมาเปิดกิจการได้ใหม่อีกครั้งหรือไม่นั้น เหมืองฯได้ทำเรื่องชี้แจงไปยังกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ยื่นเรื่องขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหะกรรมไปแล้ว ซึ่งปกติใบอนุญาตจะมีอายุคราวละ 5 ปี โดยมั่นใจว่าเหมืองทองอัครา ไม่ใช่ต้นเหตุหรือสาเหตุด้านสุขภาพของพนักงานและประชาชนที่อยู่รอบเหมืองทองอัครา
นายชัยพร สุดสิน หัวหน้างานชุมชนสัมพันธ์อาวุโสเหมืองทอง บอกว่า ทำงานอยู่ในเหมืองทองอัครามา 13 ปี รู้ชะตาชีวิตของตนเองแล้วว่าสิ้นปีนี้อาจเป็นผู้หนึ่งที่ต้องถูกปลดออกจากการปิดโรงงาน ซึ่งตอนนี้ก็ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ขั้นแรกก็จะนำไปใช้หนี้บางส่วน แต่เนื่องด้วยมีครอบครัวและลูกอยู่ในเขตตำบลเขาเจ็ดลูก ก็จะลองลงทุนทำธุรกิจค้าขายเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าไปไม่ไหวอยู่ไม่รอดก็ยอมรับว่าจะต้องย้ายถิ่นฐานกลับบ้านเกิดภาคใต้เพื่อไปหางานทำใหม่
นายชัยพร บอกว่า ในกลุ่มเพื่อนๆ ที่มีทั้งชาวพิจิตร-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่า อาจต้องอพยพไปหางานทำในเมือง
ดังนั้น สิ่งที่เป็นห่วงภาพรวมในแง่เศรษฐกิจ คือ ในแต่ละเดือนที่เหมืองทองอัคราเคยจ่ายค่าแรงคนงานนับพันคนเดือนละหลายสิบล้านบาท เม็ดเงินก้อนนี้ถูกนำไปจับจ่ายใช้สอย ซื้อผัก ปลา หมู เห็ด เป็ด ไก่ จากนี้ก็คงต้องหายตามไปด้วย