“อรรชกา” เผยแนวโน้มปี 60 การลงทุนจากจีนยังมาไทยต่อเนื่องหลังเป็นนักลงทุนในไทยอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่ม ล่าสุดเดินทางหารือนักลงทุนรายย่อยจากจีน 7 รายผลเป็นที่น่าพอใจ นักลงทุนสนเพียบ พร้อมดึงลงทุนรถอีวี
นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังการนำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมเดินทางมาหารือกับกลุ่มนักธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ประมาณ 7 รายที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคจงกวนชุน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 8-11 ธ.ค. ว่าขณะนี้ไม่ได้มีเพียงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากจีนเท่านั้นแต่เอสเอ็มอีก็ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนยังไทยเพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกเช่นกันโดยแนวโน้มปี 2560 การลงทุนจากจีนจะยังคงเข้ามาต่อเนื่องจากปี 2559 ที่นักลงทุนจีนก้าวขึ้นมาเป็นนักลงทุนอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น
“อนาคตจีนจะเข้ามาเป็นนักลงทุนอันดับ 1 หรือไม่นั้นก็คงจะต้องติดตามเพราะก็อาจไม่แน่เพราะที่ผ่านมาการลงทุนจากจีนอยู่อันดับ 4-5 และที่ผ่านมาก็มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20-30%” นางอรรชกากล่าว
สำหรับการหารือกับนักลงทุนครั้งนี้พบว่าเอสเอ็มอีของจีนมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นและเน้นไฮเทคโนโลยีที่ตรงกับนโยบายของไทยที่ต้องการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งอุตสาหกรรมไบโอเคมิคอล อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และเครื่องจักรอัจฉริยะ อุตสาหกรรมดิจิตอล เป็นต้น บริษัทเหล่านี้สนใจที่จะเข้ามาจับคู่ธุรกิจกับไทยและลงทุน ไทยเองต้องการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีลดต้นทุนโดยหันมาใช้หุ่นยนต์หรือโรบอต ในการทดแทนคนซึ่งสถาบันไทย-เยอรมันทำการส่งเสริมอยู่จึงเห็นว่ามีโอกาสที่จีนจะเข้ามาร่วมมือในจุดนี้ผ่านไปยังสถาบันไทยเยอรมันหากอนาคตมีความต้องการมากก็จะนำไปสู่การผลิตและประกอบหุ่นยนต์ในไทยได้” นางอรรชกากล่าว
นอกจากนี้ยังได้เดินทางไปศึกษาดูงานของบริษัท คิงเปง (KINGPENG) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบการผลิตหรือการเพาะปลูกในเรือนกระจกแบบปิดในอุตสาหกรรมการเกษตรซึ่งขณะนี้ไทยเองก็มีการซื้อระบบดังกล่าวมาดำเนินการอยู่แล้วและได้ใช้โอกาสดึงการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นเครือของ BAIC ที่เป็นบริษัทแม่ที่มีการลงทุนผลิตรถไฟฟ้าในปักกิ่งเป็นรายใหญ่ที่ผลิต 5.5 หมื่นกว่าคันจากที่เมืองปักกิ่งผลิตได้รวม 5 แสนคัน
“จากการหารือเขาก็ให้ความสนใจที่จะมาขยายตลาดในไทย และระบุว่าอีก 2-3 ปีจะมีการพัฒนาแบตเตอรี่ได้มากกว่านี้ และรถอีวีจะมาแน่นอน ไทยเองก็รอเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่” นางอรรชกากล่าว
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะให้ความสำคัญต่อการดึงการลงทุนเอสเอ็มอีจากจีนมากขึ้นเพื่อที่จะเข้ามาจับมือกับผู้ผลิตไทยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี
ทั้งนี้ สถิติข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) การลงทุนจากประเทศจีน เปรียบเทียบเดือนมกราคม-กันยายน 2558 และ ปี 2559 ขยายตัวจากเดิมมากทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุนโดยปี 2559 มีจำนวน 69 โครงการ เพิ่มขึ้น 77% (ปีก่อน 39 โครงการ) ด้านเงินลงทุนปีนี้ 24,288 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120% (ปีก่อน 11,047 ล้านบาท) และการอนุมัติให้การส่งเสริมฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 80 โครงการ เพิ่มขึ้น 40% (ปีก่อน 57 โครงการ) มูลค่าเงินลงทุนรวม 40,564 ล้านบาท เพิ่มขั้น 72% (ปีก่อน 23,559 ล้านบาท)