“สมคิด” สั่ง “พาณิชย์-บีโอไอ” เตรียมข้อมูลก่อนบินไปจีน ตั้งเป้าจีบนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคต ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โฟกัสอุตสาหกรรมดิจิตอล ไอที อาหารและเกษตร
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เตรียมข้อมูล ก่อนที่จะจัดคณะเดินทางไปเยือนจีนในช่วงวันที่ 9-11 ธ.ค. 2559 เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากจีนให้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างนักลงทุนไทยกับนักลงทุนจีนในอุตสาหกรรมดิจิตอล ไอที สตาร์ทอัพ อาหารและเกษตร เป็นต้น
“ปัจจุบันจีนมีการพัฒนาในอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้น และมีนักลงทุนหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้บีโอไอกำลังดูอยู่ว่าจะจัดแมชชิ่งให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน และดึงให้เข้ามาลงทุนในไทยในอุตสาหกรรมอะไรได้บ้าง โดยการเดินทางไปจะโฟกัสกลุ่มบริษัทของจีนเลยว่าจะไปพบใคร ไปพบแล้วจะเชิญให้มาลงทุนในไทย ซึ่งบริษัทที่จะพบมีทั้งในกรุงปักกิ่ง เสิ่นเจิ้น และหัวโจว ซึ่งรูปแบบก็เหมือนกับที่ไปเยอรมันและฝรั่งเศส ที่มีเป้าหมายไปพบและเชิญให้มาลงทุน”
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ไทยได้มีการหารือกับจีนเพื่อเพิ่มความร่วมมือในด้านการทำธุรกิจระหว่างกัน เช่น การร่วมมือกับหัวเว่ย ที่ได้เข้ามาเปิดสำนักงานภูมิภาคประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในไทย กลุ่มอาลีบาบาที่ได้ร่วมมือกับไทยในด้านการค้าออนไลน์ ซึ่งในการเดินทางไปครั้งนี้ นายสมคิดมีกำหนดพบปะกับนายแจ็ก หม่า เพื่อติดตามความคืบหน้าความร่วมมือในด้านต่างๆ ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการเดินทางไปครั้งนี้นายสมคิดมีกำหนดที่จะเข้าพบปะหารือกับรองนายกรัฐมนตรีของจีน และเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทางการค้าไทย-จีน (เจซี) โดยมีประเด็นสำคัญที่จะมีการหารือกัน เช่น การผลักดันให้มีการขยายการค้าสองฝ่ายให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 5 ปี หรือภายในปี 2563 การทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจไทย-จีน ระยะ 5 ปี การหารือความร่วมมือโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน การเพิ่มความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร การเงิน พลังงาน และการท่องเที่ยว
สำหรับความร่วมมือโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานจะมีการหารือในรายละเอียดการลงทุนระบบราง โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง ที่ยังมีปัญหาติดขัดในหลายประเด็น รวมถึงประเด็นที่จีนอยากจะเข้ามาลงทุนเชิงพาณิชย์ตามแนวรางรถไฟ
ขณะที่ไทยต้องการผลักดันให้จีนเร่งนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย โดยเฉพาะการนำเข้าข้าวที่มีการตกลงกันในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 1 ล้านตันโดยเร็ว หลังจากที่ขณะนี้ได้เริ่มนำเข้าในส่วน 1 แสนตันแรกไปแล้ว รวมถึงการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกรังนกไปจีน
ส่วนประเด็นความร่วมมือด้านการเงินจะผลักดันการชำระเงินด้านการค้าระหว่างประเทศเป็นเงินหยวน การร่วมมือด้านการท่องเที่ยว จะติดตามเป้าหมายการผลักดันให้มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยให้ได้ 10 ล้านคนในปี 2559 และขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น