ปตท.เร่งจัดทัพ! ปรับโครงสร้างธุรกิจให้เกิดความชัดเจน โดยจะโอนหุ้นบริษัทย่อยที่ถือตรงให้กับบริษัทแกนนำ (Flagship) นอกเหนือจากการแยกธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกเป็นบริษัทใหม่ สำหรับโครงการโรงกลั่นและปิโตรฯ ที่เวียดนาม ดิ้นหาทางออกโดยเจรจาขอเป็นพันธมิตรบริษัทที่ได้ใบอนุญาตทำโรงกลั่นแทนคาดได้ข้อสรุปต้นปี 60 หลังจังหวัดบินห์ดินห์ปิดประตูรับโครงการนี้
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปตท.อยู่ระหว่างการจัดโครงสร้างการทำธุรกิจให้มีความชัดเจน โดยส่วนที่เป็นภาระหน้าที่ในฐานะรัฐวิสาหกิจ ทาง ปตท.ก็จะดำเนินการเองโดยตรง แต่ถ้าเป็นส่วนธุรกิจที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ต้องแข่งขันกับภาคเอกชนอื่นทั้งในไทยและต่างประเทศก็จะให้บริษัทแกนนำ (Flagship) ในกลุ่ม ปตท.เป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ การจัดโครงสร้างธุรกิจให้มีความชัดเจนเช่นนี้จะทำให้เห็นบทบาทหน้าที่ชัดเจนของ ปตท.ในฐานะรัฐวิสาหกิจว่าดำเนินการอะไรบ้าง มีผลการดำเนินงานอย่างไร เช่นเดียวกับบริษัทลูกที่เป็น Flagship มีประสิทธิภาพในการแข่งขันมากน้อยแค่ไหน เมื่อเปรียบเทียบการแข่งขันกับบริษัทอื่นทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน ปตท.มีการถือหุ้นตรงในบริษัทย่อย 3-4 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาที่จะโอนบริษัทย่อยเหล่านี้ให้แก่บริษัทแกนนำของกลุ่ม ปตท. โดยจะเสนอคณะกรรมการบริษัท ปตท.เพื่ออนุมัติต่อไป โดยยอมรับว่าปัจจุบันทั้ง บมจ.ไทยออยล์ (TOP), บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ที่ดำเนินธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมี รวมทั้งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งสิ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ ปตท.เคยศึกษาการควบรวมกิจการระหว่างไออาร์พีซีกับพีทีที โกลบอล เคมิคอล แต่วันนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น เพราะต้องการให้บริษัทเหล่านี้เร่งเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความเข้มแข็ง รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนในอนาคตเพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน
“วันนี้ ปตท.อยากเน้นความชัดเจนในธุรกิจน้ำมันและค่าปลีกก่อน ส่วนการควบรวมกิจการบริษัทในกลุ่มแกนนำยังไม่รีบร้อน”
นายเทวินทร์กล่าวถึงกรณีที่ทางจังหวัดบินห์ดิน ประเทศเวียดนาม ยกเลิกการส่งเสริมโครงการโรงกลั่นและปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ หรือโครงการ Victory ที่ประเทศเวียดนาม ว่าขณะนี้ทางไออาร์พีซีอยู่ระหว่างรอหนังสือปฏิเสธส่งเสริมลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ส่วนจะมีการหาพื้นที่ใหม่หรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของไออาร์พีซีที่จะศึกษาว่าเหมาะสมหรือไม่
ด้านนายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการหาทำเลที่ตั้งโครงการ Victory ใหม่หลังจากได้รับการยืนยันอย่างไม่เป็นทางการว่าทางจังหวัดบินห์ดินแล้ว รวมทั้งมองโอกาสที่จะเข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการรายอื่นที่ได้รับอนุญาตทำโครงการโรงกลั่นน้ำมันในเวียดนามแต่ยังไม่ได้ดำเนินการโดยจะต่อยอดไปทำปิโตรเคมีต่อไป ซึ่งน่าจะทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้รวดเร็ว และไม่เสียเวลาในการหาพื้นที่ตั้งโรงงาน คาดว่าจะสรุปได้ 2-3 เดือนข้างหน้า