รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่สืบสวนเกาหลีใต้บุกตรวจค้นสำนักงานของบริษัทลอตเต้ กรุ๊ป, เอสเค กรุ๊ป และหน่วยงานรัฐบาลในวันนี้ (24) เจ้าหน้าที่เผยในฐานะส่วนหนึ่งของการสืบสวนข้อกล่าวหาการใช้อิทธิพลมืดที่เกาะกุมประธานาธิบดี พัค กึนฮเย อยู่
ธุรกิจเหล่านี้ต้องสงสัยว่าให้เงินแก่มูลนิธิสองแห่งที่ควบคุมโดย ชอย ซุนซิล เพื่อนสนิทของพัคซึ่งเป็นศูนย์กลางของข่าวฉาวนี้เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกี่ยวกับใบอนุญาตปลอดภาษี สำนักข่าวยอนฮัปรายงาน
เมื่อวันอาทิตย์ (20) คณะอัยการดำเนินคดีชอยและอดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดีรายหนึ่งในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับพัคกดดันบริษัทต่างๆ ให้สนับสนุนเงินทุนแก่มูลนิธิที่เป็นส่วนสำคัญของข่าวฉาวนี้ซึ่งสั่นคลอนตำแหน่งประธานาธิบดีของพัค
โฆษกลอตเต้กรุ๊ป และเอสเคกรุ๊ปยืนยันว่ามีการบุกตรวจค้นแต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม โฆษกอัยการไม่อาจติดต่อขอความคิดเห็นได้
กระทรวงการคลังและกรมศุลกากรซึ่งดูแลเรื่องใบอนุญาตปลอดภาษีก็ถูกตรวจค้นเช่นกัน ยอนฮัปรายงานแต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อวันพุธ (23) เจ้าหน้าที่สืบสวนดำเนินการตรวจค้นที่สำนักงานของ ซัมซุง กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และบริษัทแม่ของ ซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ ผู้นำสมาร์ทโฟนทั่วโลก
ซัมซุงถูกกล่าวหาว่าให้เงิน 3.1 ล้านดอลลาร์แก่บริษัทหนึ่งที่ชอยและลูกสาวของเธอร่วมเป็นเจ้าของเพื่อใช้อิทธิพลของเธอรับการสนับสนุนจากกองทุนบำนาญรัฐสำหรับการควบรวมกิจการสองอย่างของซัมซุงกร๊ป คือ ซัมซุม ซีแอนด์ที คอร์ป และ เชอิล อินดัสทรีส์ มูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
สำนักงานบริการบำนาญแห่งชาติของเกาหลีใต้ (National Pension Service : NPS) กองทุนบำนาญที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลกโหวตสนับสนุนการควบรวมดังกล่าวทั้งๆ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าข้อตกลงนี้ช่วยให้เครือซัมซุงกรุ๊ปควบคุมการใช้จ่ายของผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ได้มากขึ้น
การสนับสนุนนี้ถูกมองว่ามีความจำเป็นมากสำหรับการควบรวมดังกล่าว และสื่อแดนโสมขาวรายงานว่าการเห็นชอบข้อตกลงเกิดขึ้นภายใต้สภาวะที่มีเงื่อนงำ
เมื่อวานนี้ (23) คณะอัยการยังตรวจค้นสำนักงานเอ็นพีเอสด้วยเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าพวกเขากำลังขยายการสืบสวนข่าวฉาวการคอร์รัปชันนี้ซึ่งก่อให้เกิดภาวะสุญญากาศทางอำนาจที่น่ากังวลในเกาหลีใต้
พรรคประชาธิปไตย แกนนำฝ่ายค้านที่มี 121 ที่นั่งในรัฐสภาที่มีสมาชิกจำนวน 300 คน กล่าวในวันนี้ (24) ว่า พวกเขากำลังทำงานไปสู่กระบวนการถอดถอนพัค โดยตั้งเป้าที่จะยื่นญัตติเพื่อโหวตในต้นเดือนหน้า
ญัตติถอดถอนจำเป็นต้องได้เสียงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของรัฐสภาเพื่อการเริ่มต้นและเสียงส่วนใหญ่ 2 ใน 3 เพื่อผ่าน
อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายค้านจำเป็นต้องได้รับเสียงโหวตบางส่วนจากพรรครัฐบาลของพัคหากต้องการให้ญัตติผ่าน สมาชิกส่วนใหญ่ของพรรครัฐบาลยังไม่ได้แสดงจุดยืนของพวกเขา