ปตท.ขู่ปีหน้าถ้าไม่ได้ข้อสรุปประมูลแหล่งปิโตรเลียมทั้งบงกช-เอราวัณที่จะสิ้นสุดสัมปทานปี 65-66 ปริมาณก๊าซฯ ในอ่าวไทยจะลดลงรวดเร็วใน 3 ปี ส่วน LNG ที่นำเข้าเบื้องต้นคงไม่สามารถทดแทนก๊าซฯ ในอ่าวไทยได้ทั้งหมด
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการจัดกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดี และร่วมกันน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วานนี้ (22 พ.ย.) ว่า ภาครัฐมีความเข้าใจถึงความสำคัญในการประมูลแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ 2 แหล่งทั้งเอราวัณและบงกชในอ่าวไทยที่จะหมดอายุลงในปี 2565-2566 เพราะหากในปีหน้าไม่มีความชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการ จะทำให้ผู้ดำเนินการสัมปทานจะหยุดการลงทุนเพื่อรักษาระดับการผลิตใน 3 ปี มีผลให้ระดับการผลิตปิโตรเลียมลดลงอย่างรวดเร็ว
แต่หากปี 2560 มีการเปิดประมูลและมีความชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการ ก็จะมีการลงทุนพัฒนาเจาะหลุมผลิตเพิ่มเติม มีการจ้างงานแม้ว่าการผลิตอาจลดลงบ้างตามศักยภาพของแต่ละแหล่ง แต่การผลิตก็จะมีความต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การจะเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมทั้ง 2 แหล่งดังกล่าวยังคงต้องรอร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่อยู่ระหว่างการแก้ไขให้แล้วเสร็จก่อน
อย่างไรก็ตาม ปตท.จะยังคงทำหน้าที่เพื่อจัดหาพลังงานเพื่อรองรับความต้องการใช้ของประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ติดต่อเจรจาเพื่อที่จะรับซื้อและจัดหาก๊าซธรรมชาติในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อทดแทนปริมาณก๊าซฯ ในประเทศที่จะลดลง ตลอดจนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องท่อส่งก๊าซฯ เพื่อเชื่อมโยงปริมาณก๊าซฯ จากฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของประเทศ เพื่อนำก๊าซฯ มาช่วยเสริมระบบการผลิตไฟฟ้าให้มีความมั่นคงด้วย
นายนพดล ปิ่นสุภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.จะเร่งดำเนินการออกแบบและเปิดประมูลก่อสร้างคลัง LNG แห่งที่ 2 ขนาด 7.5 ล้านตัน/ปี มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท หลังจากได้รับอนุมัติจากรัฐในการดำเนินการได้ คาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จในปี 2565
ส่วนคลัง LNG แห่งแรก ที่ปัจจุบันรองรับการนำเข้าได้ 5 ล้านตัน/ปี และอยู่ระหว่างการขยายระยะที่ 2 รองรับการนำเข้าเพิ่มเป็น 10 ล้านตัน/ปี จะแล้วเสร็จในปี 2560 ส่วนการขยายเพิ่มเป็น 11.5 ล้านตัน/ปีจะแล้วเสร็จในปี 2562 นั้น เมื่อรวมกับคลัง LNG อื่นๆ คาดว่าจะรองรับการนำเข้า LNG ได้ถึง 19 ล้านตัน/ปี หรือคิดเป็นปริมาณก๊าซฯ ในอ่าวไทยจาก 2 แหล่งใหญ่ราว 2.1 พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน
อย่างไรก็ตาม แม้การนำเข้า LNG ไม่สามารถทดแทนปริมาณก๊าซฯ ในอ่าวไทยได้ทั้งหมด เนื่องจากการผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ของประเทศราว 50% มาจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นการนำก๊าซฯ จากอ่าวไทยขึ้นมาแยกผลิตภัณฑ์ ขณะที่อีกราว 25% มาจากโรงกลั่นน้ำมัน และอีก 25% เป็นการนำเข้า ทำให้ยังคงมีความกังวลในส่วนของปริมาณการผลิต LPG ที่อาจจะลดลง