รฟม.สรุปหนี้ โอน กทม.รับบริหารรถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) รวม 1.75 หมื่นล้าน เร่ง กทม.ชงสภา กทม.เคาะจ่ายกู้ใน 1 เม.ย. 60 เพื่อให้พร้อมกับการเปิดเดินรถเชิงพาณิชย์ โดยขอแบ่งจ่ายเงินก้อนแรก 3.55 พันล้านหนี้ค่าเวนคืนและที่ปรึกษาก่อนในการโอนช่วงแรก ขณะที่ รฟม.เปิดซองคุณสมบัติโมโนเรล “ชมพู-เหลือง” เผยอีก 2 สัปดาห์สรุปลุยเปิดข้อเสนอราคาได้
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมการประเมินมูลค่าหนี้สิน และทรัพย์สิน และพิจารณากำหนดขั้นตอนการโอนหนี้สินและทรัพย์สินระหว่างกันว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ทำตัวเลขการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ซึ่งจะมีการโอนให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสรุปกรอบวงเงินหนี้สินถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559 จำนวน 21,403.561 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้สินเงินกู้ระยะยาว 17,538.82 ล้านบาท และหนี้ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ค่าจ้างที่ปรึกษา และค่าธรรมเนียมเงินกู้ จำนวน 3,557.053 ล้านบาท ซึ่ง รฟม.ได้จ่ายไปก่อนหน้านี้ โดยคณะกรรมการฯ จะสรุปเรื่องเสนอที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณาแนวทางภายในเดือน ธ.ค. 2559 และนำเสนอ ครม.ต่อไป
ซึ่งที่ประชุมสรุปให้ กทม.นำข้อสรุปไปเสนอต่อสภา กทม.พิจารณาในการประชุมสมัยแรกเดือนมกราคม 2560 เพื่อให้สามารถกู้เงินมาชำระหนี้ได้ภายในวันที่ 1 เมษายน 2560 เพื่อสอดคล้องกับการเปิดเดินรถสายสีเขียวใต้เชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ หนี้สินในส่วนค่าธรรมเนียม ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 3,557.053 ล้านบาทจะต้องชำระเมื่อมีการโอน ซึ่งในประเด็นนี้ กทม.ขอดูสภาพฐานะทางการเงินก่อน ส่วนหนี้เงินกู้ระยะยาว 17,538.82 ล้านบาทจะเป็นการโอนหนี้ระยะยาว
สำหรับการเปิดเดินรถช่วง 1 สถานีช่วงแบริ่ง-สำโรงก่อนช่วงเดือน ธ.ค.นี้ กทม.สามารถดำเนินการเนื่องจากถือเป็นการทดสอบระบบก่อนเปิดอย่างเป็นทางการซึ่งจะเป็นการให้บริการฟรีประมาณ 4-6 เดือน
***รฟม.เปิดซองคุณสมบัติชมพู-เหลือง คาดสรุปอีก 2 สัปดาห์
นายธีระพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าการ (ด้านกลยุทธ์และแผน) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย. คณะกรรมการมาตรา 35 ได้เปิดซองเอกสารข้อเสนอซองที่ 1 (ด้านคุณสมบัติและเทคนิค) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง โดยมีผู้แทนจากกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) (ซึ่งประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS Group) บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และผู้แทน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ซึ่งเป็นผู้ยื่นข้อเสนอฯ เข้าร่วมการเปิดซองเอกสารข้อเสนอ ซองที่ 1 เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของจำนวนและความเรียบร้อยของซองเอกสารข้อเสนอฯ
ทั้งนี้ เอกสารข้อเสนอมีจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 สัปดาห์ หรือจะสรุปได้เร็วสุดปลายเดือน พ.ย. จากนั้นจึงจะเปิดซองเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 (การลงทุนและผลตอบแทน) ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาไม่เกิน 1 สัปดาห์ เนื่องจากคณะกรรมการฯ ได้กำหนดรูปแบบการพิจารณาไว้แล้ว หลักการคือ เลือกรายที่ขอให้รัฐอุดหนุนน้อยที่สุด จากนั้นจะสรุปผลเสนอ สคร.ต่อไป ซึ่งจะสรุปในกลางเดือนธันวาคม 2559 ตามนโยบายของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 ได้มีการประชุมกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินข้อเสนอเสร็จเรียบร้อยแล้ว สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และสายสีเหลืองฯ นั้น รฟม. ลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและเอกชนผู้รับสัมปทานลงทุนด้านโครงสร้างงานโยธา งานระบบและขบวนรถไฟฟ้า (รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง) และให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา รวมถึงเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสาร (PPP Net Cost) มีระยะเวลาสัมปทานทั้งสิ้น 33 ปี 3 เดือน โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 : งานออกแบบและก่อสร้างงานโยธา พร้อมติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้า เป็นระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน และระยะที่ 2 : งานให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา เป็นระยะเวลา 30 ปี ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ ระยะทาง 34.5 กม. มีมูลค่าลงทุนรวม 53,519.50 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ ระยะทาง 29.1 กม. มีมูลค่าลงทุนรวม 51,931.15 ล้านบาท