xs
xsm
sm
md
lg

“อัคริณ โฮเทลกรุ๊ป” ดีเดย์ 1 ธ.ค. 59 เดินหน้าเปิดโรงแรมใหม่ 3 แห่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางอัญชลิกา กิจคณากร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ “อัคริณ โฮเทลกรุ๊ป”
ผู้จัดการรายวัน 360 - ผู้ดำเนินธุรกิจลักชัวรีบูติกโฮเต็ลระดับห้าดาวของเมืองไทย เจ้าของแบรนด์ “อคีรา”, “อลีนตา” และ “อัคริณ” เปิดโรงแรมใหม่ 3 แห่งทั้งในไทยและลาว ปักหมุดปี 2560 เริ่มขยายตลาดเพิ่มในลาว พม่า เวียดนาม และไทยทุกรูปแบบทั้งลงทุนเองและบริหารงานร่วมกับพันธมิตร เมินการแข่งขันด้านราคา ยึดกลยุทธ์หลักเน้นความหรูหรามีสไตล์ระดับพรีเมียม

นางอัญชลิกา กิจคณากร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ “อัคริณ โฮเทลกรุ๊ป” หรือ AHG ผู้ดำเนินธุรกิจลักชัวรีบูติกโฮเต็ลระดับห้าดาวของประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน AHG บริหารงานโรงแรมและรีสอร์ต 3 แบรนด์ ได้แก่ “อคีรา”, “อลีนตา” และ “อัคริณ” โดยกำลังจะมีการเปิดตัวใหม่ 3 แห่ง แบ่งเป็นการลงทุนเองคือ “อคีรา บีชคลับ ภูเก็ต” ประกอบด้วยห้องพักและวิลลาหรู จำนวน 59 ห้อง ด้วยงบประมาณ 200 ล้านบาท เริ่มเปิดบริการวันที่ 1 ธ.ค. 59 นอกจากนั้นยังเป็นการบริหารงานร่วมกับพันธมิตรคือ “อคีรา ทองหล่อ” ห้องพักจำนวน 120 ห้อง ด้วยงบประมาณ 200 ล้านบาท เปิดบริการวันที่ 1 ธ.ค. 59 และ “เดอะ เพรสซิเดนท์ บาย อัคริณ” ห้องพักและห้องสวีต จำนวน 32 ห้อง ณ เมืองเวียนเทียน นครเวียงจันทน์ ประเทศลาว เปิดบริการวันที่ 1 ก.พ. 60
“เดอะ เพรสซิเดนท์ บาย อัคริณ” ณ เมืองเวียนเทียน นครเวียงจันทน์ ประเทศลาว
จากการขยายงานครั้งนี้ส่งผล AHG มีโรงแรมและรีสอร์ตทั้งหมด 7 แห่ง ประกอบด้วย “อคีรา จุฬา สมุย”, “อคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่”, “อคีรา บีชคลับ ภูเก็ต”, “อคีรา ทองหล่อ”, “อลีนตา ภูเก็ต-พังงา”, “อลีนตา หัวหิน-ปราณบุรี” และ “เดอะ เพรสซิเดนท์ บาย อัคริณ” คิดเป็นการลงทุนเอง 2 แห่ง คือ “อคีรา บีชคลับ ภูเก็ต” และ “อลีนตา หัวหิน-ปราณบุรี” โดยยังมีแผนที่จะขยายงานทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมด้านทำเลที่ตั้งและปัจจัยด้านต่างๆ

“ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป AHG จะเน้นขยายงานในต่างประเทศมากขึ้นทั้งในลักษณะลงทุนเองและบริหารงานร่วมกับพันธมิตร โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเออีซีทั้งในส่วนของลาวซึ่งกำลังพิจารณาการขยายโรงแรมแห่งที่ 2 ในเมืองหลวงพระบาง ขณะที่เวียดนามจะเน้นพื้นที่ในเมืองฮานอยและโฮจิมินห์เป็นหลัก ส่วนพม่าจะเริ่มต้นที่กรุงย่างกุ้ง ก่อนที่จะขยายไปยังเมืองต่างๆ ตามฝั่งชายหาดและบนภูเขาต่างๆ”

นางอัญชลิกากล่าวอีกว่า AHG ให้ความสำคัญต่อโรงแรมและรีสอร์ตทุกแห่งในด้านการอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้เข้าพักในการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ระดับเฟิสต์คลาส อาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ และบรรยากาศดีมีสไตล์ โดยไม่ได้ยึดเรื่องราคาเป็นหลักในการแข่งขันทางการตลาด
“อคีรา ทองหล่อ”
ล่าสุดในส่วนของ “อคีรา ทองหล่อ” ถือเป็นการปรับปรุงโรงแรมแพน แปซิฟิก สวีท บริเวณปากซอยทองหล่อ 8 ให้มีความหรูหราด้วยจุดเด่นของห้องพักขนาดใหญ่ตั้งแต่ 70-80 ตร.ม. และ 120-200 ตร.ม. ใช้งบลงทุนห้องละประมาณ 6 แสนบาท โดยคาดว่าจะให้บริการในระดับราคา 4-6 พันบาท เน้นกลุ่มนักเดินทางชาวญี่ปุ่นเป็นหลัก

“ซอยทองหล่อถือเป็นย่านธุรกิจอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่มีสีสันและความทันสมัย ทั้งยังมีชาวต่างชาติพักอาศัยและสัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก ตลอดจนเป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับห้าดาวหลายแห่ง รวมทั้งเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อีกเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การแข่งขันทางธุรกิจโรงแรมและที่พักอาศัยย่านทองหล่อค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะด้านราคา เพราฉะนั้น AHG จึงจำเป็นต้องใช้จุดต่างและความโดดเด่นด้านต่างๆ เป็นกลยุทธ์การแข่งขันมากกว่าราคา”
“อลีนตา ภูเก็ต-พังงา”
นางอัญชลิกากล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ผ่านมาโรงแรมและรีสอร์ตของ AHG แต่ละแห่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น “อลีนตา ภูเก็ต-พังงา” และ “อลีนตา หัวหิน-ปราณบุรี” ประมาณ 60-70% “อคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่” ประมาณ 80% ส่วน “อคีรา จุฬา สมุย” อยู่ในระดับสูงสุดประมาณ 85-90%

สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ตของ AHG มีทั้งคนไทยและต่างชาติโดยมีสัดส่วนผันแปรตามแต่ละพื้นที่ เช่น “อคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่” แบ่งเป็นคนไทยและต่างชาติเท่าๆ กันคือ 50:50 ส่วน “อลีนตา หัวหิน-ปราณบุรี” คิดเป็นคนไทย 30-40% ต่างชาติ 60-70% ขณะที่ “อลีนตา ภูเก็ต-พังงา” ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ 80-90% คนไทย 10-20% โดยแต่ละแห่งมีผู้ใช้บริการเข้าพักซ้ำประมาณ 50%
“อลีนตา หัวหิน-ปราณบุรี”
“ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว AHG จึงมีนโยบายหลักในการทำตลาดลูกค้าต่างชาติโดยไม่เน้นอิงกลุ่มลูกค้ายุโรปมากนักเพราะถือเป็นกลุ่มประเทศที่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือเป็นลูกค้าหลัก 5 ลำดับแรกจะหมุนเวียนกันระหว่างเยอรมนี อังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และรัสเซียซึ่งกำลังเริ่มจะฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ ขณะที่จีนอยู่ในลำดับที่ 6 โดยจะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูงเป็นหลักประมาณ 70-80% ส่วนที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวอิสระ หรือ FTI ประมาณ 20-30%” นางอัญชลิกากล่าวในตอนท้าย
“อคีรา แมเนอร์ เชียงใหม่”


กำลังโหลดความคิดเห็น