“ซีพี” จับมือภาครัฐส่งเสริมปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทดแทนปลูกข้าวนาปรัง สร้างอนาคตเกษตรกร

บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) บริษัทลูกในการจัดหาวัตถุดิบของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ลงนามบันทึกความร่วมมือประสานพลังประชารัฐในโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง และสร้างความเชื่อมั่นใจการปลูกให้แก่เกษตรกรในอนาคต พร้อมรับซื้อไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 8 บาท

ในการลงนามในบันทึกความร่วมมือสานพลังประชารัฐ 3 ฝ่าย เพื่อการดำเนิน “โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทดแทนการปลูกข้าวรอบ 2 ปีการผลิต 2559/2560” ระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตรกับเอกชนผู้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2 ราย สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย 20 ล้านไร่ ใน 23 จังหวัดทั่วประเทศ

นายไพศาล เครือวงศ์วานิช รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส กล่าวว่า โครงการความร่วมมือดังกล่าวมีกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นแกนนำ โดยภาคเอกชนเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีการเพาะปลูก เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตควบคู่ไปกับการรับซื้อผลผลิตเพื่อเป็นหลักประกันการตลาดให้แก่เกษตรกร ขณะที่ ธ.ก.ส.เป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อ

บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส หนึ่งในบริษัทที่ร่วมโครงการนี้ในฐานะผู้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โปรดิ๊วส จำกัด ในฐานะผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยง จะสามารถส่งเสริมเกษตรกรได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลในการส่งเสริมความรู้ทางวิชาการการปลูกข้าวโพดตั้งแต่การวิเคราะห์ดิน การเตรียมพื้นที่ปลูก การเพาะปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์คุณภาพตามมาตรฐานที่กรมฯกำหนด การเก็บเกี่ยวและการดูแลพื้นที่หลังการเก็บเกี่ยว รวมถึงการรับซื้อผลผลิตในราคาที่เป็นธรรมตามมาตรฐานความชื้นที่สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยที่ 14.5% เมล็ดเสียไม่เกิน 4% เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรเรื่องตลาดรองรับ

“โครงการนี้จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้เกษตกรในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในอนาคต ขณะเดียวกันจะเป็นการรยกระดับมาตรฐานการผลิตของไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต จากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องเท่านั้น” นายไพศาลกล่าว

นายไพศาลกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ จะรับผิดชอบในการเข้าไปส่งเสริมเกษตกรในพื้นที่ 2 ล้านไร่ ใน 23 จังหวัด โดยจะจัดส่งนักวิชาการของบริษัทเข้าไปให้แนะนำตลอดระยะเวลาการเพาะปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยวเพื่อให้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงสุด ขณะเดียวกันจะรับซื้อผลผลิตตามคุณภาพที่มีการลงนามในบันทึกความร่วมมือฯ แต่ไม่ต่ำกว่า 8 ต่อกิโลกรัม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีจุดรับซื้อ 14-15 แห่ง ทั่วประเทศ