บริษัทกรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกในการจัดหาวัตถุดิบของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ลงนามบันทึกความร่วมมือประสานพลังประชารัฐในโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง และสร้างความเชื่อมั่นในการปลูกให้แก่เกษตรกรในอนาคต พร้อมรับซื้อไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 8 บาท
วันนี้ (21 ต.ค.) เป็นการลงนามในบันทึกความร่วมมือสานพลังประชารัฐ 3 ฝ่าย เพื่อการดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทดแทนการปลูกข้าวรอบ 2 ปีการผลิต 2559/2560 ระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตร กับเอกชนผู้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2 ราย สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย 20 ล้านไร่ ใน 23 จังหวัดทั่วประเทศ
นายไพศาล เครือวงศ์วานิช รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส กล่าวว่า โครงการความร่วมมือดังกล่าวมีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นแกนนำ โดยภาคเอกชนเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการ และเทคโนโลยีการเพาะปลูกเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตควบคู่ไปกับการรับซื้อผลผลิตเพื่อเป็นหลักประกันการตลาดให้แก่เกษตรกร ขณะที่ ธ.ก.ส.เป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อ
บริษัทกรุงเทพโปรดิ๊วส เป็นหนึ่งในบริษัทที่ร่วมโครงการนี้ ในฐานะผู้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด ในฐานะผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะสามารถส่งเสริมเกษตรกรได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลในการส่งเสริมความรู้ทางวิชาการการปลูกข้าวโพดตั้งแต่การวิเคราะห์ดิน การเตรียมพื้นที่ปลูก การเพาะปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์คุณภาพตามมาตรฐานที่กรมฯ กำหนด การเก็บเกี่ยวและการดูแลพื้นที่หลังการเก็บเกี่ยว รวมถึงการรับซื้อผลผลิตในราคาที่เป็นธรรมตามมาตรฐานความชื้นที่สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยที่ 14.5% เมล็ดเสียไม่เกิน 4% เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรเรื่องตลาดรองรับ
“โครงการนี้จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้เกษตกรในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในอนาคต ขณะเดียวกัน จะเป็นการรยกระดับมาตรฐานการผลิตของไทยให้สอดคล้องต่อมาตรฐานสากล สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต จากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องเท่านั้น” นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ จะรับผิดชอบในการเข้าไปส่งเสริมเกษตกรในพื้นที่ 2 ล้านไร่ ใน 23 จังหวัด ซึ่งบริษัทจะจัดส่งนักวิชาการของบริษัทเข้าไปให้แนะนำตลอดระยะเวลาการเพาะปลูก จนถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงสุด ขณะเดียวกัน จะรับซื้อผลผลิตตามคุณภาพที่มีการลงนามในบันทึกความร่วมมือฯ แต่ไม่ต่ำกว่า 8 ต่อกิโลกรัม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีจุดรับซื้อ 14-15 แห่งทั่วประเทศ