“พาณิชย์” ปิ๊งไอเดีย ดึงแม่บ้านเหล่าทัพเป็นแนวร่วมดูแลค่าครองชีพ

“พาณิชย์” ปิ๊งไอเดีย ดึงสมาคมแม่บ้านเหล่าทัพเป็นแนวร่วมดูแลค่าครองชีพ เหตุใกล้ชิดประชาชน พร้อมร่วมมือห้างแจ้งสถานการณ์ราคาสินค้า ก่อนนำลงแอปลายแทงของถูกให้ผู้บริโภคใช้ตัดสินใจซื้อสินค้า สั่งเข้มผู้บริหารเดินตลาดให้ถี่ขึ้น เล็งปั้น SMEs และ Start Up เข้าสู่โลกธุรกิจ และปั้นแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะดึงสมาคมแม่บ้านของเหล่าทัพทั้งทหาร ตำรวจ และหน่วยงานราชการอื่นๆ มาเป็นแนวร่วมในการตรวจสอบภาวะค่าครองชีพ และร่วมกันหามาตรการในการดูแลค่าครองชีพให้แก่ประชาชน เพราะคนเหล่านี้จะมีความใกล้ชิดกับประชาชนและข้าราชการของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะทำให้ทราบความต้องการของผู้บริโภค และสามารถจัดทำมาตรการดูแลค่าครองชีพได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ยังจะร่วมมือกับห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ในการแจ้งสถานการณ์ราคาสินค้า เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวด้านราคา และจะนำรายละเอียดราคาลงไปแสดงไว้ในแอปพลิเคชันลายแทงของถูก เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบ และจะได้ทราบว่าที่ไหนมีสินค้าราคาถูกจำหน่ายบ้าง

ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้ผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ ออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าทั้งประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามและกำกับดูแลราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่จะมีความต้องการสินค้าบางชนิดเพิ่มขึ้น เช่น ช่วงกินเจ หรือช่วงเปิดเทอมใหม่ เป็นต้น และยังได้เร่งผลักดันให้เกิดร้านฉลาดซื้อประหยัดใช้ ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกค้าส่งที่อยู่ในความดูแลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนในการซื้อสินค้า

นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำได้เตรียมแผนในการเชื่อมโยงตลาดนำสินค้าจากแหล่งผลิตกระจายไปยังแหล่งอื่นๆ ทั่วประเทศ ขณะนี้ได้ดำเนินการในส่วนของลองกอง โดยได้ประสานให้แอร์เอเชีย ไทยสมาย มาช่วยในการขนส่ง และประสานห้างสรรพสินค้าในการระบาย ซึ่งสามารถยกระดับราคาไม่ให้ตกต่ำได้ และสินค้าเกษตรอื่นๆ ก็จะดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้

ส่วนสินค้าข้าว ขณะนี้มาตรการต่างๆ 19 มาตรการ ได้เตรียมพร้อมที่จะดำเนินการ เพื่อรองรับผลผลิตข้าวนาปี 2559/60 ที่กำลังจะออกมาพร้อมหมดแล้ว ทั้งการรับจำนำยุ้งฉาง การชดเชยดอกเบี้ยเพื่อเก็บสต๊อกข้าว และยังได้เตรียมการเชิญผู้ซื้อ ผู้นำเข้าจากต่างประเทศเข้ามาเจรจาธุรกิจ (บิสิเนส แมตชิ่ง) กับผู้ประกอบการค้าข้าวของไทย เพื่อช่วยระบายผลผลิตด้วย

นางอภิรดีกล่าวว่า ทางด้านการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ (Start Up) มีแผนที่จะฝึกอบรม SMEs และ Start Up ให้เข้าสู่การทำธุรกิจ โดยจะใช้การตลาดนำการผลิต จะเข้าไปแนะนำให้ผลิตสินค้าและบริการให้ตรงตามความต้องการของตลาด มีเป้าหมาย 2,000 ราย ซึ่งได้อบรมไปแล้ว 900 ราย

นอกจากนี้จะเร่งผลักดันให้เกิดการสร้างแบรนด์ และการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำธุรกิจ ซึ่งจะนำร่องในกลุ่มเกษตรและอาหาร สุขภาพและความงาม ธุรกิจบริการ และไลฟ์สไตล์ โดยแบรนด์ไหนเริ่มเป็นที่รู้จัก ก็จะผลักดันให้ออกไปทำตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้าให้ได้ 10-20 แบรนด์ ส่วนแบรนด์ที่เข้มแข็งแล้วจะผลักดันให้เป็นอินเตอร์เนชันแนลแบรนด์ โดยหาพันธมิตรมาช่วยสนับสนุน รวมทั้งดึงดารา เซเลบริตี้ มาช่วยในการโปรโมตรแบรนด์ในช่วงที่ไปร่วมงานเวทีดังๆ ในต่างประเทศ ตั้งเป้าหมาย 5-10 แบรนด์

นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับการขับเคลื่อนกระทรวงพาณิชย์ มีแผนที่จะผลักดันให้เกิดพาณิชย์ในส่วนภูมิภาค ซึ่งตั้งเป้าไว้ 8 แห่ง เช่น ที่เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี และสงขลา เป็นต้น พาณิชย์ในส่วนภูมิภาคเหล่านี้จะเป็นผู้ขับเคลื่อนงานของกระทรวงฯ ในส่วนภูมิภาค เช่น การดูแลปัญหาราคาสินค้าเกษตร ปัญหาค่าครองชีพ ซึ่งจะต้องแก้ไขปัญหาได้ทันทีหากมีปัญหาเกิดขึ้นซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ ทำได้รวดเร็วมากขึ้น