“อภิรดี” มอบนโยบายพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ใช้นโยบายประชารัฐเสริมแกร่ง SMEs วิสาหกิจชุม เกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง สั่งเกาะติดค่าครองชีพ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งข้าว ปาล์ม มัน และผลไม้ จี้เร่งโปรโมตสินค้า GI และผลักดันมีการจดทะเบียนเพิ่ม พร้อมให้จัดการการจำหน่ายสินค้าละเมิดให้หมดไป
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ว่าได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดซึ่งเป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ในระดับจังหวัด มีบทบาทในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานราก ผ่านกลไกประชารัฐเชื่อมโยงให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาค โดยเน้นทั้งการช่วยพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร ที่จะต้องมีการยกระดับให้มีความรู้ความสามารถในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่การผลิต การบรรจุภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การใช้นวัตกรรม ไปจนถึงการจำหน่าย เพื่อให้รู้จักทำมาค้าขายและพัฒนาธุรกิจ
ส่วนในด้านการดูแลค่าครองชีพ ขอให้มีการติดตามและตรวจสอบราคาสินค้าในจังหวัดอย่างใกล้ชิด และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องค่าครองชีพและการใช้จ่ายประจำวัน โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกในการซื้อสินค้าและบริการ รวมไปถึงการจัดกิจกรรมดูแลค่าครองชีพ เช่น การจำหน่ายสินค้าธงฟ้า การดูแลราคาอาหารปรุงสำเร็จผ่านร้านหนูณิชย์พาชิม และการผลักดันให้ผู้บริโภคฉลาดซื้อประหยัดใช้
สำหรับในการดูแลสินค้าเกษตร ให้มีการติดตามสถานการณ์และภาวะราคาสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ผลไม้ ยางพารา และสินค้าเกษตรอื่นๆ โดยวางแผนบริหารจัดการล่วงหน้า จัดหาตลาดรองรับ ใช้กลไกตลาดกลาง ตลาดชุมชน เข้ามาเสริมการดำเนินการ โดยเฉพาะข้าวซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเริ่มต้นการเพาะปลูก ขอให้ไปชี้แจงทำความเข้าใจถึงมาตรการดูแลราคาข้าว เช่น การชดเชยดอกเบี้ย การรับจำนำยุ้งฉาง เพื่อให้เกษตรกรได้รับรู้และเตรียมตัวได้ล่วงหน้า
ทั้งนี้ ในส่วนของจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านจะต้องมีการวางแผนและร่วมมือในการค้าชาย และจะต้องดูแลแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า และอำนวยความสะดวกการค้าชายแดน หลังจากที่ไทยได้จัดให้มีการประชุม CLMVT Forum ไปแล้ว ในพื้นที่จะต้องมีการนำผลไปขับเคลื่อนต่อ
นางอภิรดีกล่าวว่า ยังได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัด เข้าไปช่วยผลักดันการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) โดยจังหวัดที่มีการขึ้นทะเบียนแล้วก็ให้ช่วยทำแผนในการส่งเสริมด้านการตลาด โดยการสร้างเรื่องราวให้กับสินค้าเพื่อทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เพราะผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายเพิ่มหากรู้ว่าสินค้าที่ตนเองบริโภคมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ส่วนจังหวัดที่ยังไม่มีสินค้า GI ก็ให้เร่งค้นหาและผลักดันให้มีการจดให้ได้โดยเร็ว
นอกจากนี้จะต้องดูแลในเรื่องปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพราะบางครั้งผู้ขายอาจจะไม่รู้ว่ากำลังจำหน่ายสินค้าละเมิดอยู่ และบางรายอาจไม่รู้ว่าการจำหน่ายสินค้าละเมิดมีความผิด หรือเจ้าของสถานที่อาจจะไม่รู้ว่ามีการจำหน่ายสินค้าละเมิด ซึ่งพาณิชย์จังหวัดจะต้องเข้าไปให้ความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และหาทางแก้ไขปัญหาให้มีการจำหน่ายสินค้าที่ไม่ละเมิดแทน เหมือนกับที่ตลาดโรงเกลือที่ขณะนี้ได้ปรับเป็นศูนย์กลางในการจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้เร่งประชาสัมพันธ์ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 ก.ค. 2559 นี้ เพื่อชี้แจงให้ SMEs ได้รับทราบถึงทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการใช้เครือข่าย Biz Club ให้เป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงธุรกิจ โดยในช่วงเดือน ก.ย.นี้ กระทรวงฯ จะจัดให้มีการประชุม Biz Club ทั่วประเทศ และเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานการประชุมด้วย