กรมพัฒน์ฯ เดินหน้าปั้น 3 ธุรกิจบริการให้เข้มแข็ง ทั้งการดูแลผู้สูงอายุ สปา นวดเพื่อสุขภาพ หลังเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตทุกปีตามการขยายตัวของผู้สูงอายุและนักท่องเที่ยว เร่งสร้างความเข้มแข็ง และมีมาตรฐาน ก่อนต่อยอดออกไปลงทุนในต่างประเทศ
น.ส.รัตนา เธียรวิศิษฎ์สกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังการจัดงาน DBD Quality Health Service Standards 2016 ว่า แนวโน้มธุรกิจบริการ 3 รายการ คือ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจสปา และธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปัจจุบันรายได้ในธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มเพิ่มขึ้นปีละ 15% โดยเฉพาะธุรกิจดูแลผู้สูงอายุจะยิ่งมีความต้องการมากขึ้น เนื่องจากประชากรผู้สูงอายุเพิ่มจำนวนขึ้น ขณะที่ธุรกิจสปา ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพ เติบโตไปตามการท่องเที่ยว ซึ่งกรมฯ จะเข้าไปยกระดับธุรกิจบริการในกลุ่มนี้ให้มากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของตลาดและการแข่งขันในอนาคตให้สามารถขยายธุรกิจออกไปต่างประเทศได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมฯ ได้จัดทำโครงการส่งเสริมพัฒนาและฝึกอบรมให้ความรู้กับ 3 ธุรกิจนี้แล้วเพื่อให้ได้เกณฑ์มาตรฐานตามที่กำหนด เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าธุรกิจดังกล่าวมีการบริหารจัดการเป็นระบบ มีมาตรฐาน สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้อย่างมีคุณภาพ และสร้างความน่าเชื่อถือต่อผู้ที่เข้ามาใช้บริการ อีกทั้งเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาด และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ รวมทั้งยังเป็นการสอดรับกับนโยบายรัฐบาลและแนวโน้มตลาดที่ต้องการปรับจากภาคการผลิตสินค้าไปสู่ภาคบริการ และจากนั้นจะผลักดันการขยายธุรกิจออกไปทั้งในรูปแบบแฟรนไชส์และการลงทุนในต่างประเทศ
สำหรับเกณฑ์ที่กรมฯ กำหนดให้ผู้ประกอบการนำไปปฏิบัติ เช่น การพัฒนาเรื่องการดำเนินธุรกิจ การดูแลลูกค้า บริการ การจัดการ การทำกลยุทธ์ เป็นต้น และเมื่อผู้ประกอบการที่เข้าอบรมผ่านเกณฑ์การพัฒนาของกรมฯ แล้ว กรมฯ จะมอบใบประกาศเพื่อเป็นการยืนยันถึงมาตรฐานของผู้ประกอบการรายนั้น ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาธุรกิจในอนาคตได้
โดยผู้ประกอบการ 3 กลุ่มธุรกิจในปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 8,000 ราย แบ่งเป็นนิติบุคคลประมาณ 1,200 ราย บุคคลธรรมดาประมาณ 6,000 ราย แต่มีผู้ประกอบการที่มีการจดทะเบียน มีการส่งงบการเงินที่อยู่ในระบบเพียง 700 ราย ส่วนมูลค่าของ 3 ธุรกิจดังกล่าวอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท และมีจำนวนผู้ประกอบการที่เข้าโครงการของกรมฯ 846 ราย ผ่านเกณฑ์ 284 ราย ซึ่งน้อยมาก ดังนั้น จึงต้องการเชิญชวนผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการเพื่อยกระดับธุรกิจรับการแข่งขันในอนาคตให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น