ภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย ส.อ.ท. และสภาหอฯ มองจีดีพีปี 2559 น่าจะปรับจากกรอบที่คาดไว้ 3-3.5% โดยเฉพาะกรอบล่างที่คาดว่าจะโตกว่า 3 แต่กังวลค่าเงินบาทสิ้นปีอาจผันผวนหวังให้สอดคล้องกับภูมิภาค แบงก์พร้อมอัดเงินสินเชื่อหนุนขีดแข่งขันธุรกิจโรงแรมไทย
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยในฐานะทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กกร.ยังคงกรอบประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยหรือจีดีพีในปีนี้ไว้ที่ระดับ 3.0-3.5% และการส่งออกที่ ลบ 2-0% อย่างไรก็ตาม พบว่าจีดีพีในช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวดีกว่าที่คาดไว้ทำให้เป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจจะขยายตัวสูงกว่ากรอบล่างที่ประมาณการไว้โดย กกร.จะมีการพิจารณาปรับกรอบประมาณการจีดีพีในการประชุมเดือน ต.ค. 59 นี้อีกครั้ง ส่วนจะเป็นอย่างไรคงยังไม่สามารถระบุได้ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่แข็งค่ายังเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการมีความกังวล
“ปัจจัยสำคัญที่เราคิดว่าจีดีพีน่าจะปรับตัวกว่ากรอบที่ประมาณการ คือ การลงทุนจากภาครัฐที่เริ่มเข้าระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะเดียวกัน ปัญหาภัยแล้งก็เริ่มหมดลงทำให้ภาคเกษตรเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ดี รวมไปถึงการบริโภคภายในประเทศ และการท่องเที่ยวที่ยังไปได้ดีอยู่ ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้นก็ยังคงใกล้เคียงกับภูมิภาคแต่หลายส่วนมีการมองว่าจะอ่อนค่าอีกในช่วงปลายปีเพราะมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนซึ่งอาจทำให้ผันผวนได้ซึ่งก็คิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะดูอยู่” นายปรีดีกล่าว
นอกจากนี้ กกร.ยังได้พิจารณาช่วยเหลือและสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อกับสถาบันการเงินเพื่อการปรับปรุงและยกระดับคุณภาพสถานที่ประกอบการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ธุรกิจโรงแรมไทย สมาคมธนาคารไทยจึงร่วมกับสมาชิกพิจารณาโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมโดยให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 80% ของเงินลงทุนระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีโดยมีระยะเวลาการเบิก 1 ปีหลังจากได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้วโดยแต่ละธนาคารจะไปพิจารณาปล่อยกู้ได้ตามดุลยพินิจ
นายเจน นำชัยศิริ ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า จีดีพีเบื้องต้นที่พิจารณาภาพรวมปีนี้น่าจะดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในกรอบล่างคืออาจจะดีกว่า 3% ส่วนจะเกินระดับ 3.5% ได้หรือไม่นั้นจะต้องมาพิจารณารายละเอียดอื่นๆ ประกอบด้วยแต่การส่งออกคงอยู่ในกรอบเดิม ซึ่งสิ่งที่ต้องการ คือ ให้รัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะระบบจัดการน้ำนั้นยังมีน้อยมาก ขณะเดียวกันจะได้ติดตามแนวทางการพัฒนาระบบรางที่ต้องการให้สนับสนุนใช้วัสดุอุปกรณ์จากผู้ผลิตในประเทศด้วย ซึ่งการประชุมครั้งหน้าจะมีการนำเสนอประเด็นดังกล่าว
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานหอการค้าไทยกล่าวว่า จีดีพีไตรมาส 2 ปี 2559 ของไทยที่ขยายตัว 3.5% ก็ทำให้มองว่าทั้งปีกรอบประมาณกาณท่าคาดไว้อาจปรับได้ในกรอบล่างขั้นต่ำที่ 3-3.5% ก็อาจจะมากกว่า 3% แต่คงต้องติดตามปัจจัยต่างๆ โดยแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังภาพรวมน่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
