ส.อ.ท.ออกโรงแนะ ธปท.ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ต่ำไปกว่า 34.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ชี้การแข็งค่าจากเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไม่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ เงินดังกล่าวพร้อมจะออกสิ้นปีนี้แน่นอน เตือนเม่าทั้งหลายระวัง ชี้ส่งออก 7 เดือนติดลบ 2.35% ทั้งปีติดลบ 2% ติงรัฐหนุนรถ EV เร็วชิ้นส่วนไทยเตรียมตัวตาย
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคส่งออกมีความกังวลว่าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือนที่เหลืออยู่ให้มีมูลค่าลดลงและขีดความสามารถทางการแข่งขันที่ลดลง จึงต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลไม่ให้แข็งค่าเกินกว่าภูมิภาคนี้ และเห็นว่าขณะนี้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไม่ควรจะต่ำไปกว่าระดับ 34.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐอเมริกาเนื่องจากเพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกิดขึ้นจากการเก็งกำไรที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อภาวะเศรษฐกิจไทยแต่อย่างใด
“ค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าไม่ได้มาจากปัจจัยเศรษฐกิจโดยรวม หากแต่มาจากเงินทุนไหลเข้าที่หากพิจารณาจะมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึง 80% ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพียง 20% ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะไทยประกาศว่าผลตอบแทนในตลาดหุ้นของเราเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย ซึ่งต้องระวังเพราะเงินทุนที่ไหลเข้ามาย่อมมีเวลาออกและการออกไปจะไม่ได้ทยอยออกแต่จะออกทีเดียวเพื่อหวังผลต่อค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง เม่าทั้งหลายต้องระวัง โดยผมมองว่าสิ้นปียังไงก็ต้องออกเพราะเขาต้องนำเงินไปปิดงบบัญชีสิ้นปี” นายวัลลภกล่าว
สำหรับดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. 59 อยู่ระดับ 84.7 ต่ำสุดรอบ 9 เดือนนั้นสอดคล้องกับภาวะการส่งออกที่มีแนวโน้มยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่า 7 เดือนการส่งออกรวมจะติดลบ 2.35% และทั้งปีคาดว่าจะติดลบ 2% โดยสินค้าที่น่าจับตาที่มีมูลค่าลดลงอย่างมากคือสินค้าภาคเกษตร ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย ที่ราคาตลาดโลกยังคงไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะข้าว ยางพารา ที่ราคาตกต่ำหนัก ขณะที่อุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์ การส่งออกเริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะไปยังภาคตะวันออกกลางที่มีนโยบายกำหนดค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำให้ส่งออกลดลงเพราะต้องรอสต๊อกรถเก่าหมดก่อน ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทรงตัว มีเพียงอาหารที่คาดว่าจะโต 7%
ติงรัฐอย่าไปเร็วรถ EV ชิ้นส่วนไทยตายสนิท
นายวัลลภกล่าวว่า นโยบายรัฐที่ประกาศการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ค่ายรถยนต์ทั้งหมดก็ออกมาส่งสัญญาณแล้วว่ารัฐบาลไม่ควรจะเร่งรีบควรจะไปส่งเสริมให้เกิดอีก 5-10 ปีข้างหน้ามากกว่า เพราะสิ่งที่จะกระทบมากคือผู้ประกอบการชิ้นส่วนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการไทยจะตายก่อนเพราะรถ EV เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและใช้อะไหล่น้อยมากจึงต้องมีเวลาปรับตัว
ยานยนต์หืดจับยอดขาย-ส่งออก ก.ค.ลดอีก
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน ก.ค.มีทั้งสิ้น 60,635 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 0.4% รวม 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) มียอดขาย 429,265 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.2% ดังนั้นจึงยังคงเป้าหมายยอดขายในประเทศที่ 7.5 แสนคัน ขณะที่รถยนต์สำเร็จรูปส่งออกเดือน ก.ค. 59 อยู่ที่ 99,155 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 3.13% รวมส่งออก 7 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 693,978 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.29%