บล. KTBST มองตลาดหุ้นไทยจะหยุดพักฐานหากผ่านระดับ 1,556 ชี้ตลาดยังรับปัจจัยบวกจากเงินทุนไหลเข้า และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แนะกลยุทธ์ลดน้ำหนักในหุ้นที่ขึ้นไปมาก
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ว่า จากการที่ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดจะปรับตัวขึ้นเกิน 50 เหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูง จึงมีแนวโน้มที่จะมีการขายทำกำไรออกมาได้ ขณะที่ตลาดกำลังกำลังจับตามองการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในงาน Jackson Hole Policy Symposium ในวันศุกร์ที่ 26 ส.ค.นี้ ซึ่งจะมีความสำคัญต่อในเรื่องสัญญาณของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ รวมทั้งเรื่องค่าเงินเยน ถ้าแข็งค่าขึ้น หรือลงไปต่ำกว่าระดับ 100 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ จะเป็นลบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ KTBST มองว่า ตลาดหุ้นในต่างประเทศน่าจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวออกข้าง (Side way) แต่ในส่วนของตลาดหุ้นไทยยังคงมีเงินทุนไหลเข้ามาอยู่ แต่ก็ยังแรงขายทำกำไรในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปสูงมาก หลังรายงานงบไตรมาสที่ 2 ดังนั้น บล. KTBST คาดว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังมีแนวโน้มที่ตลาดจะมีการพักฐาน ซึ่งตลาดจะหยุดการพักฐานไปได้ก็ต่อเมื่อเห็นสัญญาณดัชนีผ่านระดับ 1,556 จุดไปได้ โดยมองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,530-1,566 จุด และยังมองดัชนีในระยะกลางมีแนวโน้มที่จะไปถึงระดับ 1,600 จุดได้ โดยอาศัยปัจจัยบวกจากเรื่องกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดี และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
“กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ แนะนำให้ลดน้ำหนักในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปมาก รวมถึงในตัวที่ไปต่อไม่ได้”
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ เรื่องการรายงานจีดีพีไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 1.1% ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม คือ ตัวเลขยอดขายรถยนต์เดือน ก.ค. ที่มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นจากฐานที่ลดลงของปีก่อนหน้า และการรายงานตัวเลขการส่งออกเดือน ก.ค.ของไทย ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวออกมาดีจะเป็นปัจจัยบวดต่อตลาดหุ้น”
ขณะที่ นายชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางเศรษฐกิจในต่างประเทศว่า บล. KTBST แนะนำขายทำกำไรหุ้นญี่ปุ่น ยุโรป และไทย และแนะนำซื้อตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดี รวมถึงตลาดหุ้นเอเชียที่ได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยเฉพาะจีน เกาหลี และอินเดีย สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ KTBST ยังคงแนะนำให้สะสมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน และหุ้นกู้เอกชนไทย
“มองว่าในสัปดาห์นี้ระดับราคาน้ำมันน่าจะอยู่ที่กรอบ 45-50 เหรียญ ขณะที่ราคาทองคำน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,320-1,380 เหรียญ ด้านค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมานั้น มองว่าเป็นการแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลอันเนื่องจากเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง แต่มองว่าน่าจะเป็นการแข็งค่าในระยะสั้นเท่านั้น คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.5-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ”