เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันสหรัฐฯ ขยับลงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนในวันอังคาร (2 ส.ค.) หลังพบอุปสงค์อ่อน ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบตามแรงฉุดหุ้นกลุ่มยานยนต์ ความเคลื่อนไหวทั้งสองตลาดดันทองคำพุ่งแรง เหตุนักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายนลดลง 55 เซ็นต์ ปิดที่ 39.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำกว่า 40 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 34 เซ็นต์ ปิดที่ 41.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อุปทานล้นตลาด อุปสงค์ที่อ่อนแอและความคาดหมายว่ากำลังผลิตจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องฉุดให้น้ำมันดำดิ่งมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน
เดือนกันยายนเป็นช่วงท้ายของฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นช่วงพีกสุดของอุปสงค์น้ำมันเบนซิน แต่ด้วยคลังสำรองที่ยังอยู่ในระดับสูงลิ่ว เหล่านักวิเคราะห์จึงสรุปว่ามีความเป็นไปได้ที่อุปสงค์จะอ่อนแอต่อเนื่องไปอีกหลายเดือนข้างหน้า
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (2 ส.ค.) ปิดลบพอสมควร โดยดัชนีหลักทำสถิติเป็นวันที่เลวร้ายสุดในรอบ 1 เดือน หลังข้อมูลเศรษฐกิจและยอดขายรถยนต์ที่อ่อนแอเกินคาดหมายกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจ
ดาวโจนส์ลดลง 90.74 จุด (0.49 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,313.77 จุด เอสแอนด์พีลดลง 13.81 จุด (0.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,157.03 จุด แนสแดคลดลง 46.46 จุด (0.90 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,137.73 จุด
หุ้นของฟอร์ดและเจเนอรัล มอเตอร์ส ปิดลบมากกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ หลังจาก 2 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ รายงานยอดขายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคมน้อยกว่าที่คาดหมายไว้
ในส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ พบว่ายอดใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมิถุนายน แต่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นเพียง 0.2 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าที่คาดหมายไว้ที่ 0.3 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2.0 เปอร์เซ็นต์ของเฟด นั่นจึงมีความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ แห่งนี้จะอยู่ในเส้นทางการขึ้นดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง
การปรับลงของราคาน้ำมันและตลาดหุ้นสหรัฐฯ กระตุ้นให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ดันราคาทองคำในวันอังคาร (2 ส.ค.) ปิดบวกแรง โดยตลาดทองคำโคเม็กซ์เพิ่มขึ้น 13.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,372.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์