ปตท.ปลื้มปีนี้มีอัตรากำไรสุทธิพุ่งสูงในรอบหลายปี เหตุธุรกิจก๊าซฯ มาร์จินดี และหากมีการขายธุรกิจปาล์มน้ำมันที่เหลือในอินโดฯ หรือท่อฯ อียิปต์จะส่งผลกระทบต่อกำไรน้อยมาก รวมทั้งเร่งสรุปโอนธุรกิจปิโตรเคมีในมือให้ PTTGC ด้าน ปตท.สผ.โล่งอก! ต้นทุนต่อหน่วยต่ำเกินคาดอยู่ที่ 31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายพิจินต์ อภิวันทนาพร ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ปตท.คาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) สูงกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 0.97% อย่างแน่นอน เนื่องจากไม่มีการบันทึกด้อยค่าทางบัญชี (Impairment) ของบริษัทในกลุ่ม เหมือนปีก่อนที่มีการบันทึกด้อยค่าฯถึง 5.46 หมื่นล้านบาท และธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีต้นทุนลดลงทำให้มีกำไรเพิ่มสูงขึ้น และธุรกิจปิโตรเคมีก็ยังมีมาร์จินที่ดีอยู่ แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ธุรกิจโรงกลั่นจะมีค่าการกลั่น (GRM) ปรับลดลงอยู่ที่ 4-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ปตท.คาดว่าอัตรากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะใกล้เคียงกับช่วง 6 เดือนแรกปี 2559 ที่ 5.95% ซึ่งเป็นอัตรากำไรสุทธิในระดับที่สูงเมื่อเปรียบเทียบในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งปกติเฉลี่ยอยู่ 3-4% โดย 6 เดือนแรกปีนี้ ปตท.มีกำไรสุทธิ 4.85 หมื่นล้านบาท
ส่วนการตัดขายธุรกิจปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซียที่ปัจจุบันเหลืออีก 1 แปลงอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ หากขายขาดทุนก็จะไม่กระทบกำไรของ ปตท.มากนัก เพราะมีการบันทึกด้อยค่าฯ ไปก่อนหน้านี้แล้ว
นายยงยศ ครองพาณิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.กล่าวว่า จากการบริหารจัดการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ทำให้ต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ในปีนี้อยู่ที่ 31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากปี 2558 ที่ 38.88 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่เคยกำหนดไว้ว่าจะลดลง 10%
ส่วนปริมาณการขายปิโตรเลียมในปีนี้จะใกล้เคียงปีก่อนที่ 3.22 แสนบาร์เรล/วัน และราคาขายเฉลี่ยบาร์เรลละ 35-36 เหรียญสหรัฐ ซึ่งค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงทุก 1 บาทจะกระทบกำไรสุทธิ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ และปีนี้บริษัทฯ ไม่มีแผนที่จะบันทึกด้อยค่าฯลงอีก
นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการเงินองค์กร และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างหารือกับ ปตท.เพื่อรับโอนโครงการปิโตรเคมีที่ ปตท.ถือหุ้นอยู่ ให้กับ PTTGC เพื่อต่อยอดขยายValue Chain และสร้างประโยชน์ร่วมกันในธุรกิจไบโอพลาสติก โพรพิลีน และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมี
ส่วนโครงการอีเทน แครกเกอร์ คอมเพล็กซ์ที่สหรัฐฯ นั้น ได้รับความสนใจจากนักลงทุนโดยยื่นขอร่วมทุนเพิ่มอีก 2 รายนอกเหนือจากมารูเบนี บริษัทเทรดดิ้งญี่ปุ่น โดยในสิ้นปีนี้จะสรุปมูลค่าโครงการคาดว่าจะต่ำกว่าที่เคยกำหนดไว้ และไตรมาส 1/2560 จะสรุปว่าจะลงทุนโครงการดังกล่าวหรือไม่