“มาลี” ปรับแผนดันส่งออกปี 60 ใหม่ โฟกัสเป็นรายตลาด เน้นบุกอาเซียนและ CLMV ดันส่งออกสินค้านวัตกรรม และสินค้าบริการ พร้อมพาคนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศ สั่งการบ้านทูตพาณิชย์ทำแผนให้สอดคล้อง ก่อนนัดประชุม 9 ก.ย.นี้ช่วงงานบางกอกเจมส์ เผยเชิญภาคเอกชน 3 สถาบันและสมาคมธนาคารไทยร่วมหารือด้วย
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ปรับแผนการผลักดันการส่งออกสำหรับปีงบประมาณ 2560 ใหม่ โดยจะเน้นการทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ โดยเบื้องต้นจะมุ่งเน้นการทำแผนเจาะตลาดอาเซียนเป็นพิเศษ และลงลึกไปยังตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) รวมถึงการขยายการส่งออกสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ สินค้าบริการ และการออกไปลงทุนต่างประเทศ
ทั้งนี้ งบประมาณปี 2560 กรมฯ ได้มาประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่ครึ่งหนึ่งเป็นงบเงินเดือน ค่าจ้าง เหลืออยู่ 1,000 ล้านบาทที่จะใช้ผลักดันการส่งออก แต่ยังมีเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอีก 500 ล้านบาท รวมเป็น 1,500 ล้านบาท ที่จะใช้ได้ โดยกรมฯ ได้แบ่งเป็นงบ โดยจะลงตลาดอาเซียนมากที่สุด 25%, เอเชียตะวันออก โอเชียเนีย ซึ่งมีจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันอีก 25%, ยุโรปตะวันตก 20%, อเมริกา 10%, เอเชียใต้ มีอินเดีย 5%, แอฟริกา 5%, ตะวันออกกลาง 5% และยุโรปตะวันออก 5%
“ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่จะมาประชุมกันในช่วงงานบางกอกเจมส์วันที่ 9 ก.ย.นี้ เสนอแผนมาเลยว่าจะทำอะไร จะผลักดันการส่งออกอย่างไร โดยเฉพาะในตลาดที่เป็นตลาดเป้าหมาย และถ้าเป็นแผนที่มุ่งส่งเสริมสินค้านวัตกรรม หรือส่งเสริมธุรกิจบริการ หรือการผลักดันให้คนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศ ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ และจัดงบให้เพิ่มขึ้น เพราะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งไปสู่ไทยแลนด์ 4.0” นางมาลีกล่าว
สำหรับรายละเอียดแผนเจาะตลาด ยกตัวอย่างเช่น ตลาดอาเซียน กรมฯ จะเน้นการผลักดันการส่งออกสินค้าที่เป็นแบรนด์ไทย เพราะสินค้าไทยได้รับความนิยมในตลาดอาเซียนอยู่แล้ว และจะเน้นการส่งเสริมธุรกิจบริการเข้าไปหารายได้ในตลาดอาเซียน โดยเฉพาะธุรกิจเสริมความงาม บันเทิง ลอจิสติกส์ การก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งรวมถึงการผลักดันให้คนไทยเข้าไปลงทุน ที่สำคัญ จะเน้นการสร้างเน็ตเวิร์กกิ้งเพื่อสร้างคอนเนกชันที่จะนำไปสู่ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนในอนาคต
นางมาลีกล่าวว่า ในการประชุมทูตพาณิชย์ครั้งนี้ กรมฯ ยังได้เชิญภาคเอกชนจาก 3 สภา ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย รวมถึงสมาคมธนาคารไทย มาร่วมประชุมกับทูตพาณิชย์ด้วย เพื่อให้มาร่วมพิจารณาแผนการผลักดันการส่งออก และจะได้รับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนว่าต้องการให้เพิ่มเติมอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ก่อนที่จะนำไปจัดทำแผนผลักดันการส่งออกสำหรับปี 2560 ต่อไป
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจ้งความคืบหน้าการจ้างผู้แทนด้านการตลาด (Marketing representative) ในประเทศเป้าหมายที่เป็นตลาดส่งออกของไทยให้กับภาคเอกชนได้รับทราบ โดยเน้นตลาดที่ไม่มีทูตพาณิชย์ และให้คนเหล่านี้จะเข้ามาช่วยทำตลาดส่งออกให้กับไทย ซึ่งเบื้องต้นจะผลักดันให้มีก่อนที่เมืองกัลกัตตา อินเดีย และที่สวีเดน เพราะมองว่าเป็นตลาดที่มีโอกาสสำหรับสินค้าและบริการของไทย โดยในอนาคต หากตลาดเติบโตสูงก็จะพิจารณาส่งทูตพาณิชย์ไปประจำต่อไป