“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ยันผลตรวจสอบนอมินีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พัทยา 13 บริษัท ไม่พบเป็นนอมินี เหตุคนต่างด้าวต่างงานกับคนไทย แล้วให้คนไทยทำธุรกิจแทน เตรียมตรวจต่อหัวหิว-เชียงใหม่ พร้อมจับตาพฤติกรรมล้งจีนใกล้ชิด
นายสาโรจน์ สุวัตถิกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบกรณีที่คนไทยมีพฤติกรรมอำพราง หรือเป็นนอมินีให้คนต่างด้าวเข้ามาทำธุรกิจสงวนในไทยโดยไม่ต้องขออนุญาต ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ว่าเมื่อวันที่ 17-18 ส.ค. 2559 ที่ผ่านมากรมฯ ได้ร่วมกับกรมที่ดิน กรมการปกครอง นายอำเภอในท้องที่ ตรวจสอบนอมินีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี ทั้งสิ้น 13 บริษัท ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวให้ข้อมูลว่าเป็นบริษัทเสี่ยงที่จะเป็นนอมินี แต่ผลตรวจสอบ ปรากฏว่าทั้ง 13 บริษัทไม่ได้เป็นนอมินี โดยหลังจากนี้จะลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ และหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อไป
“ถือเป็นครั้งแรกที่กรมฯ เข้าไปตรวจสอบนอมินีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทก่อสร้าง และค้าคอนโดมีเนียม โดยพบว่าทั้ง 13 บริษัทไม่เป็นนอมินี เพราะส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติที่แต่งงานกับคนไทย และให้คนไทยเป็นกรรมการบริษัทแทน และตามกฎหมายไทยไม่ถือว่าเป็นนอมินี”
ส่วนการตรวจสอบนอมินีในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดได้ถอนทะเบียนนิติบุคคลบริษัทท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องแล้วใน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต และพังงา รวม 15 บริษัท และกรุงเทพฯ อีก 3 บริษัท เพราะบริษัทเหล่านี้มีคนต่างชาติที่สวมบัตรประชาชนคนไทยมาทำธุรกิจต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว ส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถทำธุรกิจได้อีกต่อไป ขณะเดียวกัน ปปง.ได้ยึดทรัพย์รวมถึงยังได้ดำเนินคดีอาญาต่อคนต่างด้าวและบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว
นายสาโรจน์กล่าวว่า สำหรับธุรกิจรวบรวม คัดแยก และบรรจุผลไม้เพื่อส่งออก หรือล้ง ล่าสุดกรมฯ กำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าล้งจีนที่เข้ามารับซื้อผลไม้ในไทยแล้วส่งออกไปจีนมีการนำผลไม้ตกเกรด หรือไม่ได้คุณภาพมาตรฐานส่งออกมาขายในประเทศหรือไม่ ถ้ามีจะถือว่าทำธุรกิจผิดกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่ห้ามคนต่างด้าวขายสินค้าเกษตรในไทยได้ถ้าไม่ได้ขออนุญาต
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ขอความร่วมมือให้ทางจังหวัดจับตามอย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องของพฤติกรรมการทำธุรกิจของล้งจีน สัญญาระหว่างล้งจีนและชาวสวนผลไม้ไทย เป็นต้น