น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมได้มีคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนบริษัทท่องเที่ยวชื่อดัง 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด, บริษัท ซินหยวน ทราเวล จำกัด และบริษัท เซี๊ยต้าเจริญ จำกัด หลังตรวจสอบพบบุคคลต่างชาติสวมบัตรประจำตัวประชาชนชาวไทยดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่งผลให้ทั้ง 3 บริษัท สิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคลทันที ไม่สามารถประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลได้อีก และจะดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวข้างต้นต่อไปด้วย
ทั้งนี้ กรมได้ร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กรมสรรพากร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และเจ้าหน้าที่ทหาร สนธิกำลังเข้าตรวจสอบบริษัท ฝูอัน ทราเวล และบริษัท ซินหยวน ทราเวล พบว่า มีคนจีนสวมบัตรประชาชนคนไทย คือนายสมเกียรติ คงเจริญ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว แล้วมาเปิดบริษัทนำเที่ยว โดยเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใน 2 บริษัทดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ยังพบผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ได้แก่ นางธวัล แจ่มโชคชัย คนไทย ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ฝูอัน ทราเวล ที่มีส่วนให้ความช่วยเหลือสนับสนุนกลุ่มบุคคลต่างชาติ ซึ่งเป็นคนจีนมาสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนไทย คือนายภูวดล สุขเจริญ และนายธนากฤต รินรัตน์ และได้ประกอบอาชีพเป็นมัคคุเทศก์ให้กับบริษัท ฝูอัน ทราเวล
นอกจากนี้ กรมได้ขยายผลตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกทางทะเบียนนิติบุคคล พบว่า ชาวต่างชาติที่เข้าสวมบัตรประจำตัวประชาชนของนายธนากฤต มีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นเพิ่มอีก 1 บริษัท คือ บริษัท เซี๊ยต้าเจริญ ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว ได้แก่ จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สมุนไพร
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า กรมยังมีแผนที่จะจับมือกับหน่วยงานพันธมิตรดังกล่าวข้างต้น ดำเนินการตรวจสอบธุรกิจกลุ่มเสี่ยง โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบนอมินีธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงธุรกิจอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งสร้างธรรมาภิบาลให้เกิดแก่ธุรกิจและผู้ประกอบธุรกิจ
“กรมขอเตือนคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนหรือถือหุ้นแทนชาวต่างชาติเพื่อให้คนต่างชาติสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งคนต่างชาติที่ให้คนไทยถือหุ้นแทน รวมทั้งกรรมการบริษัทก็ต้องรับผิดด้วย ซึ่งจะมีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 1-5 หมื่นบาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน” น.ส.ผ่องพรรณกล่าว
ทั้งนี้ กรมได้ร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กรมสรรพากร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และเจ้าหน้าที่ทหาร สนธิกำลังเข้าตรวจสอบบริษัท ฝูอัน ทราเวล และบริษัท ซินหยวน ทราเวล พบว่า มีคนจีนสวมบัตรประชาชนคนไทย คือนายสมเกียรติ คงเจริญ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว แล้วมาเปิดบริษัทนำเที่ยว โดยเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใน 2 บริษัทดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ยังพบผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ได้แก่ นางธวัล แจ่มโชคชัย คนไทย ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ฝูอัน ทราเวล ที่มีส่วนให้ความช่วยเหลือสนับสนุนกลุ่มบุคคลต่างชาติ ซึ่งเป็นคนจีนมาสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนไทย คือนายภูวดล สุขเจริญ และนายธนากฤต รินรัตน์ และได้ประกอบอาชีพเป็นมัคคุเทศก์ให้กับบริษัท ฝูอัน ทราเวล
นอกจากนี้ กรมได้ขยายผลตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกทางทะเบียนนิติบุคคล พบว่า ชาวต่างชาติที่เข้าสวมบัตรประจำตัวประชาชนของนายธนากฤต มีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นเพิ่มอีก 1 บริษัท คือ บริษัท เซี๊ยต้าเจริญ ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว ได้แก่ จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สมุนไพร
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า กรมยังมีแผนที่จะจับมือกับหน่วยงานพันธมิตรดังกล่าวข้างต้น ดำเนินการตรวจสอบธุรกิจกลุ่มเสี่ยง โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบนอมินีธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงธุรกิจอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งสร้างธรรมาภิบาลให้เกิดแก่ธุรกิจและผู้ประกอบธุรกิจ
“กรมขอเตือนคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนหรือถือหุ้นแทนชาวต่างชาติเพื่อให้คนต่างชาติสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งคนต่างชาติที่ให้คนไทยถือหุ้นแทน รวมทั้งกรรมการบริษัทก็ต้องรับผิดด้วย ซึ่งจะมีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 1-5 หมื่นบาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน” น.ส.ผ่องพรรณกล่าว