ผู้จัดการรายวัน 360 - “กิฟฟารีน” ชี้ตลาดขายตรงแข่งหนัก พร้อมเผชิญคู่แข่งค้าปลีกแย่งลูกค้าด้วย ปรับกลยุทธ์บุก ขยายไลน์สินค้าเอฟแอนด์บี กลุ่มเป้าหมายอายุต่ำ 35 ปี
แพทย์หญิง นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงของไทย เปิดเผยว่า กิฟฟารีนได้ปรับกลยุทธ์และแผนการตลาด เพื่อรองรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศและของโลก ที่กำลังซื้อโดยรวมลดลงจากการชะลอตัวเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นยอดขาย
ขณะที่ปีหน้าก็ยิ่งต้องพิจารณาสถานการณ์ใหม่อีก ทั้งปัจจัยตลาดขายตรงกับตลาดค้าปลีกมีเป้าหมายที่ผู้บริโภคกลุ่มเดียวกันแล้ว การวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคให้ถูกต้องเข้มข้นมากขึ้น ภาคค้าปลีกก็หันมาทำออนไลน์ ทำให้ธุรกิจต้องแข่งขันช่วงชิงลูกค้าเต็มที่ เราไม่ได้แข่งขันกับธุรกิจขายตรงด้วยกันเท่านั้นแล้ว แต่ต้องแข่งขันกับภาคค้าปลีกอีกด้วย เราต้องพัฒนาทั้งคน นักขาย องค์กร วิธีการ และโนว์ฮาวต่างๆ ให้พร้อม
“ปีนี้ถือเป็นปีที่ต้องปรับตัวเร็วมาก ต้องเร่งมือในการทำตลาด ต้องศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์โดยรวมน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก และเราก็ย้ำกับนักขายเราด้วยว่า เวลาเราไปหาลูกค้าไม่ใช่ขายสินค้าเฉพาะคนที่เราไปหาเท่านั้น แต่สามารถจะขายสินค้าถึงครอบครัวเขาได้ เช่น ลูก สามี ภรรยา พ่อแม่ของงเขา และเราต้องขยายกลุ่มเป้าหมายมายังคนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 35 ปีมากขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนมากกว่า 40%”
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้งบการตลาดทั้งปีนี้ที่ 150 ล้านบาท ใช้มากครึ่งปีหลัง เป็นปีแรกที่ไม่ใช้สื่อเดิมอย่างทีวี จากเดิมที่ทำหนังโฆษณาทีวี 2-3 เรื่องต่อปี ใช้งบมาก 20-30 ล้านบาทต่อเรื่อง แต่เน้นสื่อออนไลน์มากกว่า รวมทั้งการพัฒนาปรับปรุงแอปพลิเคชันด้วย
ล่าสุดเตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่เดือนสิงหาคมนี้ชื่อว่า “กิฟฟารีน เอ็กซ์เพิร์ต” ซึ่งจะทำให้นักธุรกิจกิฟฟารีนและลูกค้ามีความสะดวกและใช้งานง่ายขึ้น คาดว่าจะมีการดาวน์โหลดประมาณ 2 แสนรายปีนี้
ส่วนสินค้าจะมีการขยายไลน์กลุ่มสินค้าเครื่องดื่มและอาหารสแน็กมากขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ประมาณ 10 กว่าล้านบาทเท่านั้น และครึ่งปีหลังเปิดสินค้าใหม่ต่อเนื่อง เช่น เครื่องดื่มแอปพลิคอตผสมกลูตา สแน็กธัญพืชมิกซ์นัทแคร็กเกอร์ มี 2 รสชาติ คือ ออริจินัล และพริกปาปริกา วางตลาดสัปดาห์นี้ กลุ่มซอสผงปรุงรส 3 รสชาติ คือ ต้มยำ บาร์บีคิว เชดดาชีส รวมทั้งสินค้าใหม่กลุ่มเมกอัพ สกินแคร์ ส่วนช่องทางร้านค้าไม่มีแผนขยายมาก มีแต่ปรับปรุง จากปัจจุบันมี 109 สาขา (เป็นที่ดินของบริษัท 40 แห่ง นอกนั้นเป็นการเช่าที่ดิน)
ส่วนต่างประเทศก็มีแผนที่จะขยายตลาดเพิ่ม เช่นเวียดนามจะตั้งเป็นบริษัท ซึ่งที่ผ่านมามีทำตลาดในพม่ารายได้ 100 ล้านบาท มาเลเซีย 100 ล้านบาท กัมพูชา 80 ล้านบาท และลาว 40 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 3-5% รายได้ประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท มีนักธุรกิจประมาณ 730,000 ราย สมาชิกใหม่ปีนี้เพิ่มประมาณ 120,000 ราย
แพทย์หญิง นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงของไทย เปิดเผยว่า กิฟฟารีนได้ปรับกลยุทธ์และแผนการตลาด เพื่อรองรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศและของโลก ที่กำลังซื้อโดยรวมลดลงจากการชะลอตัวเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นยอดขาย
ขณะที่ปีหน้าก็ยิ่งต้องพิจารณาสถานการณ์ใหม่อีก ทั้งปัจจัยตลาดขายตรงกับตลาดค้าปลีกมีเป้าหมายที่ผู้บริโภคกลุ่มเดียวกันแล้ว การวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคให้ถูกต้องเข้มข้นมากขึ้น ภาคค้าปลีกก็หันมาทำออนไลน์ ทำให้ธุรกิจต้องแข่งขันช่วงชิงลูกค้าเต็มที่ เราไม่ได้แข่งขันกับธุรกิจขายตรงด้วยกันเท่านั้นแล้ว แต่ต้องแข่งขันกับภาคค้าปลีกอีกด้วย เราต้องพัฒนาทั้งคน นักขาย องค์กร วิธีการ และโนว์ฮาวต่างๆ ให้พร้อม
“ปีนี้ถือเป็นปีที่ต้องปรับตัวเร็วมาก ต้องเร่งมือในการทำตลาด ต้องศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์โดยรวมน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก และเราก็ย้ำกับนักขายเราด้วยว่า เวลาเราไปหาลูกค้าไม่ใช่ขายสินค้าเฉพาะคนที่เราไปหาเท่านั้น แต่สามารถจะขายสินค้าถึงครอบครัวเขาได้ เช่น ลูก สามี ภรรยา พ่อแม่ของงเขา และเราต้องขยายกลุ่มเป้าหมายมายังคนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 35 ปีมากขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนมากกว่า 40%”
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้งบการตลาดทั้งปีนี้ที่ 150 ล้านบาท ใช้มากครึ่งปีหลัง เป็นปีแรกที่ไม่ใช้สื่อเดิมอย่างทีวี จากเดิมที่ทำหนังโฆษณาทีวี 2-3 เรื่องต่อปี ใช้งบมาก 20-30 ล้านบาทต่อเรื่อง แต่เน้นสื่อออนไลน์มากกว่า รวมทั้งการพัฒนาปรับปรุงแอปพลิเคชันด้วย
ล่าสุดเตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่เดือนสิงหาคมนี้ชื่อว่า “กิฟฟารีน เอ็กซ์เพิร์ต” ซึ่งจะทำให้นักธุรกิจกิฟฟารีนและลูกค้ามีความสะดวกและใช้งานง่ายขึ้น คาดว่าจะมีการดาวน์โหลดประมาณ 2 แสนรายปีนี้
ส่วนสินค้าจะมีการขยายไลน์กลุ่มสินค้าเครื่องดื่มและอาหารสแน็กมากขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ประมาณ 10 กว่าล้านบาทเท่านั้น และครึ่งปีหลังเปิดสินค้าใหม่ต่อเนื่อง เช่น เครื่องดื่มแอปพลิคอตผสมกลูตา สแน็กธัญพืชมิกซ์นัทแคร็กเกอร์ มี 2 รสชาติ คือ ออริจินัล และพริกปาปริกา วางตลาดสัปดาห์นี้ กลุ่มซอสผงปรุงรส 3 รสชาติ คือ ต้มยำ บาร์บีคิว เชดดาชีส รวมทั้งสินค้าใหม่กลุ่มเมกอัพ สกินแคร์ ส่วนช่องทางร้านค้าไม่มีแผนขยายมาก มีแต่ปรับปรุง จากปัจจุบันมี 109 สาขา (เป็นที่ดินของบริษัท 40 แห่ง นอกนั้นเป็นการเช่าที่ดิน)
ส่วนต่างประเทศก็มีแผนที่จะขยายตลาดเพิ่ม เช่นเวียดนามจะตั้งเป็นบริษัท ซึ่งที่ผ่านมามีทำตลาดในพม่ารายได้ 100 ล้านบาท มาเลเซีย 100 ล้านบาท กัมพูชา 80 ล้านบาท และลาว 40 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 3-5% รายได้ประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท มีนักธุรกิจประมาณ 730,000 ราย สมาชิกใหม่ปีนี้เพิ่มประมาณ 120,000 ราย