ผู้จัดการรายวัน 360 - สื่อโฆษณาบนออนไลน์พุ่ง 30% ตามเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน “มายรัม” เผยเทรนด์การแข่งขันสู่ยุคดิจิตอล 4.0 เชื่อไทยเข้าถึงใน 3 ปีนี้ คาดเม็ดเงินสะพัดร่วมหลายหมื่นล้านบาท ชี้เศรษฐกิจแย่ลูกค้ามุ่งโปรโมชันในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนครึ่งปีหลังนี้เริ่มขยับตัวสู่มาร์เกตติ้งแคมเปญอีกครั้ง
น.ส.อุไรพร ชลสิริรุ่งสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มายรัม (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านดิจิทัลเอเยนซีเครือ WPP เปิดเผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีพบว่าพฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อสื่อโฆษณาตั้งแต่ช่วงปลายปีมาจนถึงปัจจุบันจะมุ่งไปในเรื่องของโปรโมชันเพื่อสร้างยอดขายเป็นหลัก และลูกค้าเลือกที่จะใช้เงินมากขึ้น ส่วนแนวโน้มในครึ่งปีหลังนี้ค่อนข้างดีขึ้นเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ลูกค้าเริ่มขยับตัวและหันมาใช้เงินในสื่อมีเดียต่างๆ โดยมุ่งเน้นในเรื่องของมาร์เกตติ้งแคมเปญ ส่วนทางด้านของผู้บริโภคนั้นจะยังคงพอใจที่จะสื่อสารกันเองมากกว่าสื่อสารกับแบรนด์เป็นหลัก
สำหรับโฆษณาบนสื่อออนไลน์ปีนี้เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ 20-30% ตามเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภค เฉพาะลูกค้าของมายรัมพบว่า จากเดิมปีก่อนงบออนไลน์อยู่ที่ 15-20% ปีนี้ขยับเพิ่มเป็น 30-35% หรือบางรายเพิ่มสูงขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับเม็ดเงินในการลงโฆษณาทั้งหมด ส่วนสำคัญมาจากสื่อออนไลน์เป็นสื่อที่มีราคาต่ำ ข้อมูลเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน ซึ่งการใช้งบออนไลน์ส่วนใหญ่ของปีนี้จะเน้นไปที่เฟซบุ๊กเป็นหลัก
น.ส.อุไรพรกล่าวต่อว่า ปัจจุบันการแข่งขันทางการตลาดของโลกจะมุ่งไปในเรื่องของนวัตกรรมด้านดิจิตอล จนกลายเป็นองค์ประกอบหลักของการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยปัจจุบันถือเป็นการเข้าสู่ยุคดิจิตอล 4.0 และในต่างประเทศที่เริ่มนำเอาดิจิตอล 4.0 มาใช้แล้ว คือ สหรัฐอเมริกา และฝั่งยุโรปในหลายประเทศ ส่วนในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยกำลังอยู่ในยุคดิจิตอล 3.5 ขณะที่แบรนด์ดังจากต่างประเทศได้เริ่มรับนโยบายเกี่ยวกับดิจิตอล 4.0 เข้ามาใช้ในประเทศไทยมากขึ้น
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของยุคดิจิตอลที่ผ่านมา สามารถแยกได้ดังนี้ 1. ยุคดิจิตอล 1.0 รูปแบบการใช้งาน จะเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ทั่วไป 2. ยุคดิจิตอล 2.0 รูปแบบการใช้งานจะเป็นเรื่องแพลตฟอร์มของการตลาดที่ผู้บริโภคใช้การสื่อสาร สร้างคอนเทนต์ได้เอง ผ่านช่องทางโซเชียลฯ ในวงกว้าง 3. ยุคดิจิตอล 3.0 รูปแบบการใช้งาน จะเป็นเรื่องของระบบการสื่อสารแบบคลาวนด์คอมพิวติ้ง สามารถเชื่อมการทำงานต่างแพลตฟอร์ม เกิดบริการ Online Service, Omni Channel, Mobile เป็นต้น และ 4. ยุคดิจิตอล 4.0 รูปแบบการใช้งานจะเป็นเรื่องของทรานฟอร์มเพื่อธุรกิจ ในยุคที่การสื่อสารและการทำงานเกิดขึ้นเองอัตโนมัติผ่านเทคโนโลยี Machine-2-Machine หรือ IoT
ทั้งนี้ มองว่าภายใน 2-3 ปีหลังจากนี้ ไทยจะก้าวสู่ยุคดิจิตอล 4.0ได้ และระหว่างนี้จะมีเม็ดเงินในการดำเนินงานหลายหมื่นล้านบาท ที่จะถูกใช้ใน 3 ส่วนหลัก คือ 1. อินฟาสตรักเจอร์ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ 2. มีเดีย หรือการใช้งบโฆษณาในส่วนของออนไลน์จะเติบโตมากขึ้น และ 3. รูปแบบการขายจะมีระบบในการจัดการมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ลูกค้าในไทยเริ่มให้ความสำคัญกับยุคดิจิตอล 4.0 มากขึ้น และมีหลายเซกเมนต์ที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและนำดิจิตอล 4.0 มาใช้ เช่น กลุ่มสถาบันการเงิน ประกัน และรีเทล เนื่องจากมองเห็นความสำคัญในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน ขั้นตอน และระยะเวลาในการสื่อสารในการเข้าถึงลูกค้าได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ มายรัมจะเน้นการให้บริการที่ปรึกษามืออาชีพด้านดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน ที่มีความแข็งแกร่งในเชิงเทคโนโลยี การออกแบบที่เน้นถึงข้อมูล และการใช้งานของลูกค้า เพื่อตอบโจทย์การแข่งขันทางธุรกิจ สร้างแบรนด์ การขายและการสื่อสารผ่านดิจิตอลครบทุกช่องทาง พร้อมๆ ไปกับการทำงานในกลุ่มมายรัมเอเชียแปซิฟิก มีความแข็งแกร่งในเชิงเทคโนโลยี เตรียมพร้อมการทำงามนเชิงกลยุทธ์ร่วมกับผู้บริหารสู่การเป็น ดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน นำเทคโนโลยีดิจิตอลประสานเข้ากับองค์กรเพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ให้แก่สินค้าและบริการ