NETBAY เคาะราคา IPO หุ้นละ 4.00 บาท เตรียมเปิดจองซื้อ 8-10 มิ.ย.นี้ พร้อมลงนามแต่งตั้ง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย คาดเข้าเทรดในตลาดเอ็มเอไอ 17 มิ.ย.นี้ ด้าน “ซีอีโอ” ชูจุดแข็งศูนย์กลางให้บริการทางออนไลน์
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (6 มิ.ย.) บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY ได้จัดพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 2 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาขายหุ้น IPO ในราคาหุ้นละ 4.00 บาท โดยกำหนดเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 8-10 มิถุนายนนี้ และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 17 มิถุนายน 2559
ทั้งนี้ บมจ.เน็ตเบย์ ได้เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 40 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยปัจจุบัน บมจ.เน็ตเบย์ มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 160 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับการขยายธุรกิจ
สำหรับรายละเอียดของ บมจ.เน็ตเบย์ เป็นผู้นำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ และบริการด้าน e-Logistics Trading และ e-Business Services ครบวงจร ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิตอล (Digital Economy) ของประเทศไทย โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเกตเวย์ให้บริการรับ-ส่ง และเชื่อมโยงข้อมูลการค้าผ่านระบบออนไลน์พร้อมกัน ณ จุดเดียว ระหว่างภาคธุรกิจและภาครัฐ (B2G) ภาคธุรกิจและภาคธุรกิจ (B2B) และภาคธุรกิจกับภาคประชาชน (B2C) ด้วยการนำเทคโนโลยีไพรเวต คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Private Cloud Computing) มาให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจมากว่า 10 ปี โดยพัฒนาเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ e-Logistics Trading และ e-Business Services ที่ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ (ลูกค้าที่ใช้บริการ) กลางน้ำ (ระบบ Gateway ของบริษัทฯ) และปลายน้ำ (การเชื่อมโยงการทำธุรกรรมกับหน่วยงานต่างๆ) อย่างครบวงจร เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางการให้บริการรับส่ง และเชื่อมโยงข้อมูลทางออนไลน์ระหว่างหน่วยงานต่างๆ จากจุดเดียว (Omni Channel Connectivity Gateway) ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ศูนย์ประมวลผล ศูนย์ประมวลผลสำรอง ระบบซอฟต์แวร์ปฏิบัติการที่ใช้รองรับการทำธุรกรรมรับส่งข้อมูล ระบบเครือข่าย และระบบป้องกันความปลอดภัยข้อมูลเพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอน และลดต้นทุนจากการรับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อทดแทนการใช้เอกสาร
ทั้งนี้ NETBAY มีความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม ICT ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้จัดจำหน่าย และติดตั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเน็ตเวิร์ก ให้แก่ลูกค้าภาครัฐ หรือเอกชนเป็นรายโครงการ (Software Integrators) หรือเป็นผู้ประกอบการที่รับจ้างผลิต และพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software House) ขณะที่ บมจ.เน็ตเบย์ นับเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ให้บริการในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) หรือซอฟต์แวร์ที่ให้บริการผ่านระบบออนไลน์ ภายใต้แนวคิด Better Faster Cheaper โดยลูกค้าจะไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนซื้อซอฟต์แวร์ รวมถึงไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ และค่าบำรุงรักษารายปี ขณะเดียวกัน ยังช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับส่งข้อมูลผ่านระบบออนไลน์เพื่อทดแทนการใช้เอกสาร รวมถึงช่วยควบคุมต้นทุน เนื่องจากจะคิดค่าใช้บริการตามปริมาณการใช้งานจริง (Per transaction fee) หรือคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน (Monthly fee) ส่งผลให้กระแสรายได้ของบริษัทฯ มีความมั่นคง และสม่ำเสมอ
โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีบริการแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มบริการ e-Logistic Trading เป็นการให้บริการรับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless) เกี่ยวกับสินค้า และการขนส่งที่เกิดขึ้นภายในประเทศ และระหว่างประเทศ เช่น บริการรับส่งข้อมูลธุรกรรมเอกสารการค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ บริการรับส่งข้อมูลธุรกรรมพิธีการทางศุลกากร 2.กลุ่มบริการ e-Business Services ได้แก่ การรายงานข้อมูลธุรกรรมลูกค้าที่ทำธุรกรรมกับสถาบันการเงิน รวมถึงการให้บริการข้อมูลในการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า และ 3.กลุ่ม Projects และอื่นๆ ได้แก่ การพัฒนาระบบงานสารสนเทศภายในให้แก่หน่วยงานต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิตอล (Digital Business Transformation)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็ตเบย์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนขยายการให้บริการธุรกรรมรับส่ง และเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ไปยังฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ e-DLT (Department of Land Transport) เพื่อให้บริการรับส่ง และเชื่อมโยงข้อมูลการชำระภาษีรถยนต์ทุกประเภทระหว่างกลุ่มผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่มีผู้ให้บริการ e-DLT ในประเทศไทย โดยคาดว่า บริษัทฯ จะพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบาย และข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก บริการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ให้สามารถชำระภาษีรถยนต์ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้หลายรายการในคราวเดียว ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายในการชำระภาษีรถยนต์ รวมถึงช่วยลดภาระให้แก่เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก
“เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้ประจำที่มั่นคงในระยะยาว และผลักดันการเติบโตจากการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เพื่อเพิ่มปริมาณผู้ใช้บริการธุรกรรมออนไลน์ เนื่องจากภาครัฐ และภาคเอกชนมีนโยบายรับส่งข้อมูลทางระบบออนไลน์เพิ่มขึ้นทดแทนการใช้เอกสาร ขณะที่รัฐบาลก็มีนโยบายพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจยุคดิจิตอล (Digital Economy) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของเน็ตเบย์ในอนาคต” นายพิชิต กล่าวสรุป