ผู้จัดการรายวัน 360 - แบรนด์ออนไลนด์ชื่อดัง “โอ้โห บายปูนิ่ม” พัฒนาระบบเป็นมาร์เกตเพลซเร่งดึง 20 แบรนด์พันธมิตรร่วมเปิดร้านค้าออนไลน์ พร้อมผุด 5 ศูนย์กระจายสินค้า ก่อนขยายร้านสาขา 10 แห่งและเพิ่มตัวแทนจำหน่าย 1 พันรายทั่วประเทศ หวังเพิ่มยอดขายจาก 1 พันล้านบาทในปี 58 เป็น 3 พันล้านบาทในปี 59
นายธนคินทร์ ศิริดุสิตวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอ้โห บายปูนิ่ม จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและครีม 2 ประเภทคือ สัดส่วน (Skin) และผิวพรรณ (Beauty) รวมประมาณ 10 รายการ เน้นจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก แต่ในปี 2559 บริษัทฯ เตรียมแผนขยายธุรกิจเข้าสู่ระบบโซเชียลคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ในลักษณะ Omni Channel ผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีเป้าหมายเพิ่มรายได้เป็น 3 พันล้านบาท
สำหรับการขยายธุรกิจด้านออนไลน์ขณะนี้ได้มีการพัฒนาระบบมาร์เกตเพลซเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่ผ่านการคัดเลือกจากบริษัทฯ เข้ามาร่วมเปิดร้านค้าออนไลน์จำหน่ายสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และอื่นๆ โดยขณะนี้มีพันธมิตรธุรกิจที่ตอบรับแล้ว 6 ราย โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 20 รายภายในสิ้นปี 2559
“ในปี 2559 บริษัทฯ เตรียมแผนขยายร้านสาขาเพิ่มเป็น 10 แห่งโดยเน้นพื้นที่ภายในเซ็นทรัลแต่ละสาขากระจายทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่มีเพียง 1 แห่งที่เซ็นทรัล พิษณุโลก บนขนาดพื้นที่ 4 ตร.ม.ขึ้นไป โดยใช้เงินลงทุนสาขาละประมาณ 4-5 แสนบาท ขณะเดียวกันยังมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายให้ครบ 1 พันรายทั่วประเทศ โดยจะดำเนินงานในลักษณะของการจำหน่ายแฟรนไชส์ให้แก่ร้านค้ารายย่อยขนาดเล็กในแต่ละชุมชนด้วยราคาเริ่มต้น 1.5 หมื่นบาท”
บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาระบบลอจิสติกส์ด้วยการใช้งบประมาณ 5-10 ล้านบาทในการตั้งศูนย์กระจายสินค้า 5 แห่ง ขนาดพื้นที่ 100 ตร.ม.ในกรุงเทพฯ ชลบุรี นครศรีธรรมราช นครราชสีมา และพิษณุโลก โดยเป็นการร่วมมือกับบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจลอจิสติกส์รายใหญ่และบริษัทประกันภัย เพื่อให้บริการจัดส่งสินค้าถึงลูกค้าภายในเวลา 12.00 น.ของวันรุ่งขึ้นเมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าภายในเวลา 17.00 น.ของแต่ละวัน พร้อมทำประกันการขนส่งพัสดุและระบบติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า โดยคาดว่าจะเริ่มทดสอบระบบในเดือน เม.ย.-พ.ค. 59 ก่อนเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือน มิ.ย. 59
“บริษัทฯ กำหนดแผนการลงทุนครั้งนี้เพราะมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์จากพ่อค้าออนไลน์เป็นนักธุรกิจออนไลน์ พร้อมเพิ่มยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาตัวเองเป็นมาร์เกตเพลซหากมีพันธมิตรเข้าร่วมเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นจำนวนมากเท่าใดก็จะทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหากบริษัทไม่มีแผนการลงทุนครั้งนี้คาดว่ายอดขายในปี 2559 จะมีเพียง 1.5 พันล้านบาทเท่านั้น” นายธนคินทร์กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานลูกค้าประมาณ 1 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วนที่มีการซื้อต่อเนื่องมากกว่า 50% แบ่งเป็นผู้หญิง 98% ผู้ชาย 1% และเพศที่สาม 1% ส่วนใหญ่มีอายุ 24 ปีขึ้นไป อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ 30% และต่างจังหวัด 70% โดยตั้งแต่บริษัทเปิดดำเนินการในปี 2554 สามารถทำยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก 300 ล้านบาทในปี 2555 ก่อนเพิ่มเป็น 500 ล้านบาทในปี 2556 และขยายตัวเป็น 800 ล้านบาทในปี 2557 จนล่าสุดมียอดขายเติบโตขึ้น 30% ด้วยรายได้ 1 พันล้านบาทในปี 2558 ขณะที่แต่ละปีใช้งบประมาณโฆษณาผ่านช่องทางเดียวคือเฟซบุ๊กคิดเป็นสัดส่วน 17% จากยอดขายรวม หรือเดือนละประมาณ 10-30 ล้านบาท
“ภาพรวมของการซื้อขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารออนไลน์ในปัจจุบันมีผู้ค้าหน้าใหม่เกิดขึ้นมาก เพราะคิดว่าขายได้ง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ซื้อและกำลังซื้อยังคงเท่าเดิม ทั้งยังขาดความจงรักภักดีในแบรนด์และพร้อมที่จะทดลองซื้อและใช้สินค้าแบรนด์อื่นตลอดเวลาโดยเฉพาะในตลาดระดับกลางลงล่าง แต่ในส่วนของบริษัทฯ ถือเป็นการทำตลาดระดับบนซึ่งแม้ว่าลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์มากกว่า แต่ก็ยังคงมีจำนวนฐานลูกค้าเท่าเดิมเช่นกัน”
นายธนคินทร์ยังกล่าวถึงเทคนิคการทำตลาดออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กว่า บริษัทฯ มีทีมวิเคราะห์รูปแบบการโฆษณาโดยไม่เน้นใช้การเปรียบเทียบก่อนและหลังการใช้ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว หรือต้องการยอดไลค์และผู้ติดตามเป็นจำนวนมากเหมือนหลายๆ แบรนด์ แต่จะพยายามใช้ความหลากหลายผ่านการนำเสนอของ “คุณปูนิ่ม - ศิรินทรา เส็งสิน” ประธานบริษัทฯ เพื่อมุ่งเน้นประสิทธิภาพในการขาย โดยนอกจากแฟนเพจหลักซึ่งมีผู้ติดตามเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านคนแล้ว ยังมีแฟนเพจย่อยที่มีผู้ติดตามไม่มากนักอีก 20-30 แฟนเพจ โดยบางแฟนเพจมีผู้ติดตามเพียง 80 คนเท่านั้น แต่ถือเป็นแฟนเพจที่กำลังซื้อสูงอย่างต่อเนื่อง
จากความสำเร็จในการทำตลาดออนไลน์ดังกล่าวจึงส่งผลให้เว็บไซต์พันธมิตรของเฟซบุ๊ก และกูเกิล www.socialbakers.com ซึ่งทำหน้าที่รายงานผลการจัดอันดับ 10 กลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ในแต่ละเดือนของแต่ละประเทศทั่วโลก จัดให้ผลิตภัณฑ์ “โอ้โห บายปูนิ่ม” เป็นลำดับที่ 1 ในกลุ่ม Beauty ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง