อคส.บุกตรวจโกดังเก็บสต๊อกมันเส้นที่ จ.อุบลราชธานี เจอเอาแกลบยัดไส้เกือบ 9 พันตัน เตรียมแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าของโกดัง เจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนการระบายมันเส้นปี 51/52 ถกโรงไฟฟ้ากระบี่เอาไปทำเชื้อเพลิง ส่วนปี 54-56 ระบายเข้าสู่อุตสาหกรรม
พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) เปิดเผยว่า อคส.ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบภายในคลังสินค้าที่เก็บสต๊อกมันสำปะหลังเส้นของ หจก.ข้าวหอมอุบล ที่ตั้งอยู่ถ.ตระการ-ศรีเมืองใหม่ ต.แก้งกอก อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี คู่สัญญากับ อคส.ตามสัญญาฝากเก็บรักษามันเส้นในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2554/2555 โดยเบื้องต้นพบการทุจริตนำแกลบบรรจุถุงบิ๊กแบ็กยัดไว้ด้านในแล้วนำมันเส้นมาปิดทับ ซึ่ง อคส.จะตั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคัดแยกมันเส้นดังกล่าวออกเพื่อประเมินมูลค่าความเสียหาย และแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
โดยคลังสินค้าแห่งนี้เริ่มรับมอบมันเส้นตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 2555 จำนวน 1.67 หมื่นตัน จ่ายสินค้าให้กรมการค้าต่างประเทศทั้งสิ้น 5,978 ตัน คงเหลือตามบัญชี 1.07 หมื่นตัน โดยมันเส้นได้หายจากโกดัง 8,811 ตัน ซึ่งตามสัญญาเจ้าของคลังจะต้องดูแลมันเส้นที่รับฝากจนกว่าจะมีการระบายออกให้แก่ผู้รับซื้อทั้งหมด โดยการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายให้แก่ อคส. เพราะต้องจ่ายค่าฝากเก็บเดือนละ 2 แสนบาทให้กับ หจก.ข้าวหอมมะลิอุบล โดยยืนยันจะดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตทั้งหมด ทั้งเจ้าของโกดัง และเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน
พล.ต.ต.ไกรบุญกล่าวว่า สำหรับการระบายมันเส้นในสต๊อกของ อคส.ที่เหลืออยู่ ล่าสุดได้เจรจากับโรงไฟฟ้า จ.กระบี่ ให้รับซื้อมันเส้นที่ได้จากโครงการแทรกแซงราคาปี 2551/2552 ปริมาณ 3.14 หมื่นตัน เพื่อนำไปทำเชื้อเพลิง เบื้องต้นประเมินว่าราคามันเส้น ซึ่งเสื่อมสภาพทั้งหมดน่าจะขายได้ราคาประมาณ 400 บาท/ตัน หรือ 40 สตางค์/กก. เมื่อเทียบกับราคาวัตถุดิบที่โรงไฟฟ้า จ.กระบี่ นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง
ส่วนมันเส้นที่เหลือจากปี 2554/55 ปริมาณ 9.9 หมื่นตัน และปี 2555/56 ปริมาณ 2.5 แสนตัน จะระบายเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมทั้งทำปุ๋ยและเชื้อเพลิงตามสภาพของมันเส้น โดยจะมีการจัดทำแผนในการระบายอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ อคส.มีแนวคิดที่จะนำมันเส้นจากโครงการแทรกแซงปี 2551/2552 ปริมาณ 3.14 หมื่นตัน ไปเผาทำลายทิ้งทั้งหมด เพราะเสื่อมสภาพอย่างหนัก แต่ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้ทำผลศึกษาแล้วตอบกลับว่ามันเส้นปีดังกล่าวสามารถนำไปทำเชื้อเพลิงผลิตปูนซีเมนต์ รวมถึงทำไฟฟ้าและเอทานอลได้ อคส. จึงได้เปลี่ยนแผนไม่เผาทำลาย และจะระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมเหล่านี้ต่อไป
