xs
xsm
sm
md
lg

“เวฟ” ไล่ซื้อฟู้ดเพิ่มพอร์ตธุรกิจไลฟ์สไตล์ เสริมคอนเทนต์ ชูไท-อินเพิ่มรายได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ผู้จัดการรายวัน 360 - หัวเรือใหญ่ “เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์” เผยแนวคิดธุรกิจเน้นสร้างรายได้จากธุรกิจไลฟ์สไตล์ด้วยการนำมาแปลงเป็นคอนเทนต์ในธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ มั่นใจรายได้ 5 ปีเข้าเป้า 8 พันล้านบาท พร้อมเพิ่มสัดส่วนธุรกิจไลฟ์สไตล์เป็น 70% จากปัจจุบันมี 50:50 ร่วมกับธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ด้วยรายได้ 3.6 พันล้านบาท

นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 190% คิดเป็นรายได้จากธุรกิจไลฟ์สไตล์และเอนเตอร์เทนเมนต์ในสัดส่วนเท่ากัน คือ 50:50 โดยคาดว่าปี 2559 จะมีการเติบโตขึ้น 54% คิดเป็นรายได้รวม 3.6 พันล้านบาท โดยมีเป้าหมาย 5 ปี (ปี 2563) ทำรายได้ 8 พันล้านบาท พร้อมปรับสัดส่วนรายได้ธุรกิจไลฟ์สไตล์เป็น 70% หรือประมาณ 6 พันล้านบาท และธุรกิจบันเทิง 30% หรือประมาณ 2 พันล้านบาท

ผลประกอบการดังกล่าวมาจากความสำเร็จในการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ ด้วยการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไลฟ์สไตล์ประเภทอาหาร สถาบันการศึกษา และอื่นๆ จากเดิมที่ดำเนินธุรกิจบันเทิงและเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นหลักเพียงอย่างเดียวมาตั้งแต่ต้นจนถึงช่วงขาลง โดยมีรายได้รวมเพียง 100 ล้านบาท มีผลกำไร -7% ในปี 2557

นายแมทธิวกล่าวด้วยว่า เหตุผลที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญในธุรกิจไลฟ์สไตล์มากขึ้นเพราะเห็นว่าธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์แม้จะมีส่วนต่างผลกำไร หรือ Margin สูง แต่ทำยอดขายได้น้อย ขณะที่ธุรกิจไลฟ์สไตล์มี Margin ต่ำ แต่สามารถทำยอดขายได้สูงกว่ามาก จึงมีแนวคิดในการแปลงธุรกิจไลฟ์สไตล์ให้เป็นคอนเทนต์เพื่อนำกลับมาเสริมรายได้ให้ธุรกิจโดยรวม

“ในขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นมักใช้วิธีซื้อคอนเทนต์จากต่างประเทศมานำเสนอในประเทศไทย โดยเฉพาะรายการทำอาหารและบันเทิงทั่วไป แต่เราจะมีการนำธุรกิจไลฟ์สไตล์ในเครือ คือ สถาบันสอนภาษาวอลล์สตรีทอิงลิช และร้านอาหารสเต๊กเจฟเฟอร์มาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ในลักษณะการ Tie-In รูปแบบต่างๆ โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป”

ตั้งแต่ปี 2557 ต่อเนื่องถึง 2558 บริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อกิจการสถาบันสอนภาษา “วอลล์สตรีทอิงลิช” 100% จากผู้ถือแฟรนไชส์รายเดิมด้วยมูลค่า 800 ล้านบาท จนปัจจุบันมีทั้งสิ้น 10 สาขา ทำรายได้รวม 709 ล้านบาท นอกจากนี้ยังซื้อกิจการร้านอาหารประเภทสเต๊ก “เจฟเฟอร์” 100% ด้วยมูลค่า 600 ล้านบาท ปัจจุบันมี 80 สาขา ทำรายได้รวม 800 ล้านบาท นอกจากนี้ยังถือหุ้น 50% ด้วยมูลค่า 430 ล้านบาทในบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) บริษัท ครีเอทีฟอีเวนต์อันดับ 7 ของโลก รวมทั้งถือหุ้น 20% ของทุนจดทะเบียน บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

สำหรับปี 2559 บริษัทฯ มีแผนเพิ่มรายได้จากสถาบันสอนภาษา “วอลล์สตรีทอิงลิช” เป็น 845 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% พร้อมขยายสาขา 20 แห่ง คิดเป็นรายได้ประมาณ 3 พันล้านบาท ในปี 2563 ขณะที่มีแผนทำรายได้จากร้านอาหาร “เจฟเฟอร์” เป็น 832 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9% ในปี 2559 พร้อมขยายสาขา 200 แห่งและซื้อแบรนด์ร้านอาหารเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 แบรนด์เพื่อทำตลาดทุกระดับในการทำรายได้ 3 พันล้านบาทในปี 2563



กำลังโหลดความคิดเห็น