“กรมการค้าภายใน” เผยส่งเจ้าหน้าที่จัดการแล้ว กรณีทหารขึ้นโรงพักแจ้งความเจอร้านอาหารโขกราคาข้าวผัดหมูไข่ดาวจานละ 79 บาท สั่งให้ปรับลดราคาจำหน่ายลงมา หลังตรวจสอบต้นทุน ยันเดินหน้าเพิ่มทางเลือกในการบริโภคอาหารปรุงสำเร็จราคาถูกผ่านร้านหนูณิชย์พาชิมต่อเนื่อง ระบุล่าสุดมีร้านทะลุ 1.1 หมื่นร้าน ช่วยผู้บริโภคประหยัดเงินวันละ 9.13 ล้านบาท รวมแล้ว 1.7 พันล้านบาทตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่มีการนำนำเสนอข่าวนายทหารแจ้งความดำเนินคดีกับร้านอาหารบริเวณสวนหลวง ร.9 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ กรณีคิดราคาข้าวผัดหมูใส่ไข่ดาวจานละ 79 บาท ซึ่งแพงเกินสมควรว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก ได้ร่วมกันออกตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 2559 ที่ผ่านมา โดยขอให้ผู้ประกอบการปรับลดราคาจำหน่ายอาหารลงมา ให้บวกกำไรและค่าบริหารจัดการได้ประมาณ 30-35% และได้แจ้งผลการปรับลดราคาดังกล่าวให้แก่ร้อยเวร สภ.ช้างเผือก เจ้าของเรื่อง เพื่อให้แจ้งความคืบหน้าต่อนายทหารผู้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าร้านอาหารดังกล่าวมีการปิดป้ายแสดงราคาชัดเจน ส่วนการคิดค่าอาหารที่สูงเกินจริงนั้นได้มีการประมาณการต้นทุนคร่าวๆ ในเบื้องต้นพบว่าต้นทุนจำหน่ายข้าวผัดหมูใส่ไข่ดาวควรจะอยู่ที่จานละ 40 บาท ประกอบด้วย เนื้อหมู น้ำมันพืช ไข่ไก่ ข้าวสวย กระเทียม แก๊สหุงต้ม ยังไม่รวมค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่าร้านรายเดือน ซอสปรุงรส และค่าโสหุ้ยอื่นๆ จึงได้แจ้งให้ผู้ประกอบการปรับลดราคาจำหน่ายอาหารลงมา
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าวว่า สำหรับการดูแลราคาอาหารปรุงสำเร็จ กรมฯ ได้เร่งส่งเสริมและเพิ่มจำนวนร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จที่มีลักษณะ ถูก สะอาด ดี อร่อย ให้เข้าร่วมโครงการ “หนูณิชย์...พาชิม” ให้ครอบคลุมทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนในการลดภาระค่าครองชีพ สามารถเลือกซื้ออาหารปรุงสำเร็จในราคาไม่เกิน 25-35 บาท/จาน/ชาม/ถุง รวมทั้งเป็นกลไกชี้นำราคาอาหารปรุงสำเร็จในตลาดทั่วไปไม่ให้ปรับราคาสูงขึ้น
โดยล่าสุดได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการร้านอาหารจากทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถขยายไปยังจังหวัดใหญ่ๆ ในแต่ละภูมิภาคจนครบ 77 จังหวัดทั่วไทย ที่ตั้งเป้าหมายร้านหนูณิชย์ พาชิม ทั่วประเทศไว้ 10,000 ร้าน ณ วันนี้เกือบ 2 ปี นับตั้งแต่เริ่มโครงการได้มีร้านอาหารปรุงสำเร็จเข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ รวม 11,103 ร้าน ในเขตกรุงเทพฯ 3,732 ร้าน และในส่วนภูมิภาค 7,371 ร้าน สามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในการซื้ออาหารปรุงสำเร็จ ได้ 10-35% ของค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารต่อวัน หรือประมาณวันละ 9.13 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,796.09 ล้านบาท
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการให้มีการพัฒนามาตรฐานคุณภาพให้สูงขึ้น รวมทั้งมีความตั้งใจที่จะเพิ่มร้านหนูณิชย์ในห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ เช่น เทสโก้โลตัส บิ๊กซี และศูนย์อาหารในห้างท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ และยังได้ขยายเพิ่มร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นสำหรับประชาชนให้สามารถซื้ออาหารปรุงสำเร็จคุณภาพดีได้ในราคาถูกต่อไป
