เจริญโภคภัณฑ์อาหาร อวดยอดขายไตรมาสแรก 105,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% กำไรสุทธิ จำนวน 3,764 ล้านบาท ผลจากการลงทุนในต่างประเทศที่ขยายตัวอย่างมีศักยภาพ ขณะราคาเนื้อสัตว์ฟื้นตัวจากภาวะสินค้าล้นตลาดในปีที่ผ่านมา อีกทั้งอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งในประเทศไทยก็ฟื้นตัว ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นพิ่มขึ้นแตะ 16%
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้มียอดขายรวม 105,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% กำไรสุทธิ จำนวน 3,764 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นแตะ 16% ผลดีจากการขยายตลาดไปยังประเทศที่มีโอกาส และศักยภาพในการขยายตัวของธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และอาหาร รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า เพื่อให้สอดคล้องต่อความต้องการ และพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้รายได้จากการขายมาจากกิจการในต่างประเทศเติบโตจากปีที่ผ่านมา 12% และส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศเติบโต 6% จากระดับราคาเนื้อสัตว์ที่ฟื้นตัวจากภาวะสินค้าล้นตลาดในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งในประเทศไทยจากปีที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้น่าจะดีขึ้นจากปี 2558 ด้วยเป้าหมายรายได้จากการขายเติบโต 10-15% และมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
นายอดิเรก กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ดีขึ้น ประกอบด้วย ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ถูกลง ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวดีขึ้น การเลี้ยงกุ้งกลับมา และเริ่มทำกำไร และการลงทุนในต่างประเทศเริ่มส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัท
ทั้งนี้ ธุรกิจเนื้อไก่ส่งออกในช่วงไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 17% ทั้งในตลาดยุโรป และญี่ปุ่น เนื่องจาก CPF สามารถผลิตสินค้าได้มาตรฐานอาหารปลอดภัยตรงต่อความต้องการตลาด โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น บริษัทฯ ถือหุ้นในอิโตชู ซึ่งเป็นบริษัทการค้าชั้นนำของญี่ปุ่น และเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อแฟมมิลี มาร์ท 10,000 สาขา และไซเคิล เค อีก 6,000 สาขา ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการกระจายสินค้าของ CPF ได้มากขึ้นอีก ทั้งราคาสุกรมีการปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกการตลาด เนื่องจากภาวะวิกฤตแล้ง และขาดน้ำ ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนการซื้อน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งสภาพดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่ทั่วทั้งภูมิภาคเอเซีย เช่น จีน เขมร และลาว เป็นต้น
ขณะเดียวกัน CPF ยังมีแผนขยายธุรกิจในการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารสำหรับผู้ป่วย อาหารสำหรับผู้สูงอายุ โดยมีการทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อผลิตอาหารสำหรับผู้ป่วยทั้งก่อน และหลังการรักษา และยังเห็นโอกาสในการพัฒนาซอสปรุงรสอาหาร โดยจะมีการลงทุนรวม 700 ล้านบาท ส่วนการซื้อกิจการในต่างประเทศ บริษัทฯ ยังคงแสวงหาโอกาสตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้มีหลายบริษัทฯ ที่น่าสนใจอยู่ระหว่างการศึกษา และตรวจสอบข้อมูล