xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็กโซติค ฟู้ด” ซุ่มเจรจาทำ M&A กับพันธมิตร จ่อเพิ่มทุนแจกวอร์แรนต์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายจิตติพร  จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO
บอร์ด “เอ็กโซติค ฟู้ด” ไฟเขียวแผนเพิ่มทุน 70.20 ล้านหุ้น รองรับวอร์แรนต์ 70 ล้านหุ้น แจกให้ผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิมต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ราคาใช้สิทธิ 4 บาทต่อหุ้น ส่วนที่เหลือเพื่อรองรับการปรับสิทธิ ESOP Warrant โดยกำหนดวัน XW 3 พ.ค.นี้ ใช้รองรับการขยายธุรกิจ ทั้งเพิ่มสายการผลิต หรือทำดีล M&A หวังสร้าง Synergy ในอนาคต บอร์ดใจดีอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรกหลังจากเข้าจดทะเบียนในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท กำหนดจ่าย 19 พ.ค.นี้ ส่วนผลงานปี 58 มีรายได้รวม 740.11 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 85.84 ล้านบาท เป็นผลจากการตอบรับจากลูกค้าดีต่อเนื่อง แม้กำลังการผลิตเต็ม แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างเดินหน้าสร้างโรงงานแห่งใหม่ คาดผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 3/59 ดันเป้ารายได้ปีนี้โตอีก 15% จากปีก่อนได้สำเร็จ

นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด หรือ XO กล่าวว่า จากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 35,100,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 176,750,000 บาท รวมเป็น 211,850,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 70,200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 หรือ XO-W1 จำนวนไม่เกิน 70,000,000 หุ้น ที่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม สัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า และเพื่อรองรับการปรับสิทธิ ESOP Warrant

โดย XO-W1 มีอายุไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 ในราคา 4 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อหลักทรัพย์แปลงสภาพ (XW) 3 พฤษภาคม 2559 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร 9 พฤษภาคม 2559 และกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้น 25 เม.ย.2559

นอกจากนี้ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พฤษภาคม 2559 วันที่จ่ายปันผล 19 พฤษภาคม 2559 เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ มาโดยตลอด

“บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดเพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อขยายกิจการในอนาคต ทั้งการเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจหลักของบริษัทฯ จากการเพิ่มสายการผลิตในสินค้ากลุ่มประเภทซอสปรุงรส ซึ่งเป็นกลุ่มที่มียอดขายมากที่สุด และมีแนวโน้มความต้องการจากลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างพูดคุยกับผู้ประกอบการอยู่ 2 ราย ที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจของตัวเอง และการพูดคุยคืบหน้าไปพอสมควร แต่ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าข้อสรุปจะจบลงเมื่อไหร่ แต่บริษัทฯ ก็จะพิจารณาอย่างรอบคอบ และคาดว่าอย่างเร็วที่สุดก็น่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ ซึ่งบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบในลำดับถัดไป และเชื่อมั่นว่าจะเข้ามาสนับสนุน XO ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้น และช่วยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ในระยะยาว”

สำหรับผลประกอบการงวดปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 740.11 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 734.95 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากการขายที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลจากบริษัทฯ มีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 85.84 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 86.20 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากบริษัทฯ จากการรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในช่วงต่อจากนี้ผลกระทบดังกล่าวจะน้อยลงมาก เนื่องจากบริษัทฯ ได้เปลี่ยนยอดขายสินค้าให้เป็นเงินบาทแล้ว 48% ของยอดขายทั้งหมด

“ผลงานในปี 2558 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แม้กลุ่มลูกค้าหลักในยุโรปจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และมีการชะลอการสั่งซื้อสินค้าอยู่บ้าง แต่ภาพรวมทั้งปีก็ยังอยู่ในทิศทางที่ดี ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ขายสินค้าโดยมียอดขายเป็นสกุลเงินยูโรเป็นหลักสูงถึง 72% จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่พอสมควร เพื่อควบคุมความเสี่ยงดังกล่าว บริษัทฯ ก็ได้มีการเจรจากับทางลูกค้าเพื่อเปลี่ยนยอดขายจากจากสกุลเงินยูโรเป็นเงินบาทให้ได้มากที่สุด โดยเมื่อสิ้นปี 2558 บริษัทฯ มียอดขายเป็นเงินบาทแล้ว 48% ของยอดขายทั้งหมด และเป็นสกุลเงินยูโร 26% สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 26%”

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำลังการผลิตสินค้าค่อนข้างเต็มกำลังการผลิตแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าประเภทซอส ซึ่งเป็นกลุ่มรายได้หลักของบริษัทฯ คิดเป็นสัดส่วน 67% ของยอดขายทั้งหมด ทำให้การรับออเดอร์จากลูกค้าทำได้ไม่เต็มที่ แต่หลังจากโรงงานใหม่ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง แล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 3/2559 สนับสนุนให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตสินค้าประเภทซอสเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรืออยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นตันต่อ 1 กะ จากปัจจุบันอยู่ที่ 7 พันตันต่อ 1 กะ และทำให้บริษัทฯ สามารถรองรับความต้องการซื้อได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนลดลง โดยในช่วงเริ่มต้นโรงงานแห่งใหม่ บริษัทฯ จะมีไลน์ผลิตซอสทั้งสิ้น 2 ไลน์ก่อน จากพื้นที่ในโรงงานใหม่ที่สามารถเพิ่มไลน์การผลิตซอสได้เต็มที่อีกทั้งสิ้น 4 ไลน์ในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น