xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” คาดทุเรียน-มังคุดใต้ปีนี้ราคาพุ่ง เตือนอย่าตัดอ่อนขาย จับได้เจอโทษหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” คาดปีนี้เป็นปีทองของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนและมังคุดภาคใต้ หลังความต้องการมีมากกว่าผลผลิต คาดราคาดีดตัวขึ้นแน่ ส่วนเงาะและลองกองผลผลิตเกินความต้องการ แต่เชื่อเอาอยู่เหตุมีแผนรับมือรองรับแล้ว เตรียมระบายไปยังพื้นที่อื่น เข้าหน่วยราชการ-ห้างฯ พร้อมเตือนเกษตรกรอย่าตัดทุเรียนอ่อน จับได้เจอโทษหนัก

นายสมชาติ สร้อยทอง รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ผลไม้ภาคใต้ในปีนี้น่าจะเป็นปีทองของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน และมังคุด เพราะผลผลิตมีน้อยกว่าความต้องการบริโภค เนื่องจากมีการส่งออกเป็นจำนวนมาก และราคาน่าจะปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งผลผลิตผลไม้ในภาคตะวันออกใกล้หมดแล้วจึงเหลือแต่ของภาคใต้ โดยทุเรียนคาดว่าจะมีผลผลิต 226,000 ตัน มีความต้องการมากถึง 395,000 ตัน ส่วนมังคุด คาดจะมีผลผลิต 104,000 ตัน แต่มีความต้องการถึง 120,000 ตัน

โดยราคาทุเรียนภาคใต้ในช่วงต้นฤดูปีนี้กิโลกรัม (กก.) ละ 100 กว่าบาท แต่ล่าสุดหมอนทองเกรด A, B เฉลี่ย กก.ละ 77-80 บาท ส่วนมังคุดจากจังหวัดระนองเกรดคละใหญ่ กก.ละ 60-65 บาท เกรดคละเล็ก กก.ละ 30 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรพอใจ แต่ถ้าเป็นเกรดส่งออกราคาสูงกว่านี้มาก

ส่วนเงาะและลองกองมีความน่ากังวล โดยผลผลิตจะทยอยออกตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย. และยังมีมากกว่าความต้องการบริโภค โดยเงาะปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตประมาณ 68,000 ตัน ขณะที่มีความต้องการประมาณ 60,000 ตัน และลองกอง คาดปริมาณผลผลิต 72,000 ตัน และมีความต้องการเพียง 65,000 ตัน โดยราคาเงาะและลองกองปีที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 17 บาท และ กก.ละ 15 บาทตามลำดับ

สำหรับแนวทางรับมือ กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในภาคใต้เตรียมแผนรองรับแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตออกปริมาณมากราวเดือน ส.ค. จะมีการเชื่อมโยงผลผลิตไปยังผู้บริโภคนอกพื้นที่ และจะจัดหาสถานที่ให้เกษตรกรระบายผลผลิต โดยเน้นหน่วยราชการต่างๆ เช่น ค่ายทหาร โรงพยาบาล รวมถึงห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ และยังจะใช้ช่องเครือข่ายนักธุรกิจของแต่ละจังหวัด หรือ Biz Club ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้การสนับสนุน ช่วยเพิ่มทางการกระจายผลผลิตให้ด้วย ขณะเดียวกัน จะส่งเสริมให้มีการนำเงาะไปแปรรูปเป็นสินค้าอื่นด้วย

นายประสพชัย พูลเกิด พาณิชย์จังหวัดชุมพร กล่าวว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภาคใต้ได้ร่วมมือกันในการทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับผลผลิตผลไม้ทั้ง 4 ชนิดที่จะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน ส.ค.เป็นต้นไป โดยคาดว่าทุเรียนและมังคุดจะไม่มีปัญหาราคาตกต่ำแน่นอน มีแต่ราคาจะสูงขึ้น ส่วนเงาะและลองกองได้ประสานหน่วยงานต่างๆ รวมถึงเครือข่ายนักธุรกิจ เพื่อเตรียมพร้อมกระจายผลผลิตออกไปสู่นอกพื้นที่แล้ว

ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาทุเรียนอ่อน ได้มีการกวดขันและตรวจสอบการจำหน่ายอย่างเต็มที่ เพราะเรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญ และผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงมาเล่นเอง โดยมีการจับกุมดำเนินคดีกับสวนที่ตัดทุเรียนอ่อนมาขายแล้ว แต่บางครั้งดำเนินคดีไม่ได้เพราะไม่มีเจ้าทุกข์ จึงขอให้ประชาชนที่ซื้อทุเรียนอ่อน ถ่ายรูปร้านค้าไว้ด้วย ถ้ามีปัญหาจะได้ดำเนินการตามกฎหมายได้ โดยมีโทษฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47 กรณีหลอกขายสินค้าเช่นกันจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กำลังโหลดความคิดเห็น