“พาณิชย์” ดูแลพืชตระกูลหัวอยู่หมัด ทั้งกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ ดันราคาสูงกว่าปีที่แล้ว หลังทำแผนบริหารจัดการเชิงรุกล่วงหน้า ทั้งหาตลาดรองรับ ป้องกันการลักลอบ พร้อมตามติดผลไม้ที่กำลังจะออกสู่ตลาด มั่นใจไม่มีปัญหาด้านราคา
นายสมชาติ สร้อยทอง รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจัดทำแผนดูแลพืชตระกูลหัว ได้แก่ กระเทียม หอมแดง และหอมหัวใหญ่ ก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาด เพื่อป้องกันปัญหาราคาตกต่ำว่า ขณะนี้ราคาพืชตระกูลหัวทั้ง 3 ชนิด มีราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และไม่มีปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ จนกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในปีที่ผ่านๆ มา จนภาครัฐต้องมีมาตรการเข้าไปแทรกแซงเพื่อดึงราคา
“ปีนี้ผลผลิตพืชตระกูลหัวไม่มีปัญหาด้านราคา เพราะกระทรวงฯ ได้เข้าไปบริหารจัดการและวางแผนเป็นการล่วงหน้า โดยเริ่มจากให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ไปสำรวจปริมาณผลผลิต ช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด แล้วช่วยวางแผนกระจายสินค้า และเชื่อมโยงตลาดให้ และยังได้ดูแลการลักลอบการนำเข้า ดูแลการสำแดงราคานำเข้าไม่ให้ต่ำเกินจริง เพื่อไม่ให้มีต้นทุนต่ำจนกระทบกับสินค้าในประเทศ ซึ่งถือว่าได้ผล ทำให้ราคาไม่ตกต่ำและราคายังสูงขึ้นกว่าปีก่อน”
ทั้งนี้ ในส่วนของกระเทียมสด (คละ) ขณะนี้ราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 10-20 บาท ปีที่แล้ว กก.ละ 13 บาท โดยผลผลิตของจังหวัดศรีสะเกษได้ออกสู่ตลาดแล้วกว่า 96% ส่วนผลผลิตในภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำปาง ลำพูน และอุตรดิตถ์ กำลังออกสู่ตลาด ไม่มีปัญหาด้านการตลาด เพราะคุณภาพดี
สำหรับหอมแดง (คละ) ราคาปัจจุบัน กก.ละ 8-17 บาท ปีที่แล้ว กก.ละ 7-8 บาท ผลผลิตมีปริมาณ 99,562 ตัน ลดลง 23.26% แหล่งเพาะปลูกอยู่ที่ศรีสะเกษ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูนและอุตรดิตถ์ ซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่คุณภาพด้อยกว่าปีที่แล้ว เพราะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง แต่ไม่รุนแรงมากนัก โดยผลผลิตในจังหวัดเชียงใหม่ออกสู่ตลาดหมดแล้ว ศรีสะเกษออกแล้ว 98% และจังหวัดอื่นๆ ของภาคเหนือออกสู่ตลาดแล้ว 50-85%
ส่วนหอมหัวใหญ่เบอร์ 0 และ 1 ราคาปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่กก.ละ 15.50-18 บาท ปีที่แล้ว กก.ละ 8.80 บาท โดยปีนี้มีผลผลิต 44,598 ตัน เพิ่มขึ้น 25.75% แหล่งผลิตสำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย นครสวรรค์ และกาญจนบุรี ขณะนี้ผลผลิตในภาพรวมออกสู่ตลาดแล้วกว่า 80% คงเหลือบางอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ เช่น อำเภอฝาง และอำเภอพร้าว ที่ผลผลิตยังคงเหลือ
นายสมชาติกล่าวว่า กระทรวงฯ ยังได้เตรียมแผนดูแลราคาผลไม้ที่กำลังจะออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.เป็นต้นไป ซึ่งจะเริ่มจากผลไม้ภาคตะวันออก ทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด และจากนั้นเป็นผลผลไม้ทางภาคใต้ โดยได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ไปสำรวจปริมาณผลผลิต แนวโน้มราคา และให้เตรียมแผนช่วยระบายผลผลิตในช่วงที่ออกสู่ตลาดมาก เพื่อป้องกันปัญหาราคาตกต่ำ แต่คาดว่าปีนี้แนวโน้มราคาน่าจะดีกว่าปีก่อน เพราะผลผลิตได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง
นอกจากนี้ ขอให้ไปติดตามดูแลการรับซื้อผลไม้ของโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) อย่าให้เอารัดเอาเปรียบเกษตรกร โดยเฉพาะล้งต่างชาติ ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ อย่าให้ทำผิดกฎหมาย เพราะสามารถที่จะซื้อเพื่อนำไปส่งออกได้เท่านั้น ห้ามขายปลีกในประเทศ ซึ่งนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ได้กำชับพาณิชย์จังหวัดที่ประจำอยู่ในจังหวัดที่มีผลผลไม้ ให้เข้าไปดูแลเป็นพิเศษ และให้นำชุมพรโมเดลมาใช้ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้สั่งการให้หน่วยงานในท้องถิ่นเข้าไปกำกับดูแลการรับซื้อผลไม้ โดยให้ขึ้นทะเบียนล้งที่เข้ามาทั้งหมด ทั้งไทยและต่างชาติ