อคส.แจ้งความกองปราบฯ เอาผิดเจ้าของโกดัง-เซอร์เวย์ และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับข้าวรัฐในโกดังที่ จ.ชัยนาท หลังพบเป็นข้าวผิดประเภท ข้าวเสีย ไม่ใช่ข้าวเหนียวตามที่เอกชนซื้อไป
พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า กรณีที่บริษัท ชิงตั๊ก จำกัด ผู้ชนะการประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำงานของโรงสี บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวย์) และเจ้าหน้าที่ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) อาจมีการทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะข้าวที่บริษัทซื้อจากรัฐ และเก็บไว้ในโกดังของบริษัท สุพรีมไลฟ์ เอเจนซี่ หลังที่ 3 จังหวัดชัยนาท เป็นข้าวผิดประเภท และข้าวเสีย ทำให้บริษัทไม่สามารถรับมอบ (ขนข้าวออกจากโกดัง) ได้นั้น จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าข้าวในโกดังที่จังหวัดชัยนาทเป็นข้าวขาวจริง ทั้งๆ ที่ตอนรับจำนำข้าว สีแปรสภาพจากข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร และนำมาส่งมอบเข้าโกดังนั้นมีการลงบัญชีเป็นข้าวเหนียว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2559 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ อคส.ได้แจ้งความต่อกองปราบฯ เพื่อดำเนินคดีต่อเจ้าของโกดัง บริษัทเซอร์เวย์ รวมถึงผู้สมรู้ร่วมคิดทุกราย ในข้อหายักยอกทรัพย์ของหลวง และทำผิดสัญญากับ อคส. เพราะ อคส.ได้ทำสัญญาฝากเก็บข้าวดังกล่าวกับเจ้าของโกดัง แต่เจ้าของโกดังกลับนำไปให้บุคคลอื่นเช่าช่วงต่อ
“จะตรวจสอบข้าวในโกดังชัยนาทที่ยังรับมอบไม่ได้ให้ละเอียดอีกครั้งว่าเป็นข้าวผิดชนิดก่อน หรือหลังจากที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตรวจสอบตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศ หากเป็นช่วงก่อนจะมีผู้ถือกุญแจโกดัง 4 คน คือ เจ้าของโกดัง, บริษัทเซอร์เวย์, ตัวแทนจากจังหวัด และเจ้าหน้าที่ของ อคส. หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นช่วงหลังจะเพิ่มหน่วยงานทหารถือกุญแจโกดัง ถ้าพบว่าผู้เกี่ยวข้องทั้ง 5 รายก่อให้เกิดการทุจริตจะดำเนินการตามกฎหมายทั้งอาญา และแพ่ง โดยถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์ด้วย เพราะเป็นความผิดฐานฟอกเงิน สำหรับเจ้าหน้าที่ อคส.ที่ชัยนาทได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ถ้าพบมีความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอาญา เอาผิดวินัยคงไม่ได้แล้ว”
สำหรับบริษัท ชิงตั๊ก ชนะการประมูลซื้อข้าวเหนียวจากรัฐบาล และทำสัญญากับ อคส.เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2559 โดยข้าวที่เก็บในโกดังจังหวัดชัยนาทมีปริมาณ 45,000 ตัน บริษัทจ่ายเงินงวดแรกแล้ว 30 ล้านบาท แต่ภายหลังการเปิดโกดังรับมอบข้าวเมื่อวันที่ 27 เม.ย. กลับพบว่าข้าวในโกดังเป็นข้าวขาว ไม่ใช่ข้าวเหนียวตามที่ซื้อไว้ บริษัทจึงแจ้งให้ อคส.ทราบ จากนั้น อคส.ได้เชิญบริษัท ชิงตั๊ก และบริษัทจีนที่ชิงตั๊กจะนำข้าวล็อตนี้ไปส่งออกให้มาหารือเพื่อหาทางออก โดย อคส.จะตรวจสอบข้าวในโกดังอย่างละเอียด ถ้าเป็นข้าวเหนียวจะให้รับมอบไป ส่วนปริมาณที่ขาดให้เอาจากโกดังอื่น แต่บริษัทไม่เอาข้าวจากโกดังอื่น และจะรอให้ อคส.ตรวจสอบให้เสร็จสิ้น ประกอบกับชิงตั๊กไม่มีแรงงานในการขนข้าว จึงได้ขอขยายระยะเวลาการรับมอบข้าวออกไป ซึ่ง อคส.อนุมัติให้จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้