อคส.ชงเผา “มันเส้น-ข้าวโพด” เน่าคาโกดัง เผยเป็นผลงานตกค้างจากรัฐบาลเก่า

อคส.เตรียมขอความเห็นชอบ “อภิรดี” สั่งเผามันเส้น-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลงานตกค้างจากรัฐบาลเก่า เผยพบเน่าเสีย เป็นฝุ่นผง ใช้ทำอะไรไม่ได้ มีมันเส้นกว่า 3.87 แสนตัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 9.4 หมื่นตัน ส่วนข้าวในสต๊อกที่ผู้ชนะประมูลรับมอบไม่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว พบเสื่อมคุณภาพจริง ลุยเอาผิดทั้งอาญา ทั้งแพ่ง ผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว

พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) เปิดเผยว่า วันที่ 3 มิ.ย. 2559 จะหารือกับนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เพื่อขอความเห็นชอบดำเนินการกับมันเส้นในสต๊อกรัฐบาล ปริมาณรวม 387,000 ตัน แบ่งเป็นจากโครงการแทรกแซงมันสำปะหลังปี 2551/52 ปริมาณ 31,400 ตัน, ปี 2554/55 ปริมาณ 99,000 ตัน และปี 2555/56 ปริมาณ 250,000 ตัน เพราะจากการลงพื้นที่ตรวจสอบและหารือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงาน พบว่ามันเส้นดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้ประโยชน์หรือแม้กระทั่งผลิตเป็นอาหารสัตว์ได้อีก จึงจำเป็นต้องเผาทำลายทิ้ง ไม่เช่นนั้นจะเสียงบประมาณในการจัดเก็บเดือนละกว่า 11 ล้านบาท

ทั้งนี้ อคส.จะเสนอขอความเห็นชอบจาก รมว.พาณิชย์ ให้เผาทำลายทิ้งมันเส้นในโครงการปี 2551/52 ก่อน เพราะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว เป็นฝุ่นผง และเน่าเสีย ซึ่งยังไม่รู้ว่าถ้าเผาทิ้งจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไร ต้องรอ รมว.พาณิชย์ และคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลังเห็นชอบก่อนจึงจะศึกษาในรายละเอียดอีกครั้ง

ส่วนมันเส้นโครงการปี 2554/55 และปี 2555/56 มีบางส่วนที่ยังใช้ประโยชน์ได้ เพราะกระทรวงพลังงานแจ้งว่ายังสามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนได้ แต่โรงงานต้องมีกระบวนการผลิตที่ดี ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นผงที่เป็นมลพิษทางอากาศ ซึ่งขณะนี้ รอกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อยืนยันว่ามีโรงงานพลังงานทดแทนที่มีกระบวนการผลิตตามที่ต้องการหรือไม่ หากไม่มีต้องเผาทำลายทิ้งเช่นกัน

สำหรับการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย อคส.ได้ฟ้องร้องเจ้าของคลังสินค้าที่รัฐเช่าฝากเก็บ และบริษัทตรวจสอบคุณภาพ (บริษัทเซอร์เวเยอร์) แล้ว เพราะพบว่ามันเส้นหายไปจากสต๊อก และคุณภาพเน่าเสียหายมาก โดยปี 2551/52 ได้แจ้งความดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องแล้ว 22 คดี ปี 2554/55 ดำเนินคดีแล้ว 11 คดี และปี 2555/56 ดำเนินคดีแล้ว 54 คดี

นอกจากนี้ ในส่วนของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากโครงการแทรกแซงราคาตั้งแต่ปี 2551/52 รวม 94,000 ตัน อคส.คงต้องขอความเห็นชอบเผาทิ้งเช่นกัน เพราะเน่าเสียมากกว่ามันเส้น

พล.ต.ต.ไกรบุญกล่าวว่า กรณีที่ผู้ชนะประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถรับมอบข้าว หรือขนข้าวออกจากโกดังได้เพราะคุณภาพและชนิดไม่ตรงตามที่ประกาศในเงื่อนไขการประมูล ซึ่งได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้าวในโกดังที่ จ.ศรีสะเกษ และสุ่มเก็บตัวอย่างมาตรวจสอบแล้ว พบว่าข้าวเสื่อมสภาพมาก และยังเป็นข้าวผิดประเภท โดยรับจำนำข้าวหอมมะลิ แต่สินค้าในโกดังกลับเป็นข้าวขาว ส่วนที่ชัยนาท ที่รับมอบไม่ได้ 39,000 ตัน เพราะเป็นข้าวผิดประเภท เจ้าของคลังไม่รับผิดชอบ ซึ่งได้ยืนยันว่าคนที่ทำสัญญากับ อคส.ต้องรับผิดชอบ และที่นครสวรรค์ เชียงราย กำแพงเพชร ที่รับมอบไม่ได้เช่นกัน อคส.ได้เจรจาแล้ว เจ้าของและเซอร์เวเยอร์ยอมชดใช้แล้ว

“ต่อไปจะตรวจสอบอย่างละเอียดว่าข้าวเสื่อม ข้าวผิดชนิด ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดก่อนหรือหลังจากที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าไปตรวจสอบตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ เพราะช่วงก่อนจะมีผู้ถือกุญแจโกดัง 4 คน คือ เจ้าของโกดัง, บริษัทเซอร์เวย์, ตัวแทนจากจังหวัด และเจ้าหน้าที่ อคส. หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) แต่หลังจากนั้นได้เพิ่มหน่วยงานทหารถือกุญแจด้วย ซึ่งหากพบว่าผู้เกี่ยวข้องทั้ง 5 รายก่อให้เกิดการทุจริต จะดำเนินการตามกฎหมายทั้งแพ่งและอาญา และถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์ด้วย เพราะเป็นความผิดฐานฟอกเงิน” พล.ต.ต.ไกรบุญกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มันเส้นและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับจำนำในปี 2551/52 เป็นช่วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และปี 2554-56 เป็นช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยในช่วงนั้นรัฐบาลได้มีนโยบายในการแทรกแซงมันเส้นและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อดึงราคาให้สูงขึ้น