xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนอินเดีย-ไทยตั้งเป้าปี 64 เพิ่มมูลค่าการค้าเท่าตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


การประชุมร่วมนักธุรกิจอินเดีย-ไทย (ITJBF) ครั้งที่ 1 ห็นพ้องร่วมกันผลักดันเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็นเท่าตัว หรือ 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2564 รวมทั้งกระตุ้นเอกชนไทยไปลงทุนในอินเดียเพิ่มมากขึ้น

นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานร่วมการประชุม India-Thailand Joint Business Forum (ITJBF)ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2559 ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดย ITJBF ฝ่ายไทยนำสมาชิกและผู้แทนจาก 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) รวม 30 รายเข้าร่วมประชุมหารือในครั้งนี้ด้วย ฝ่ายอินเดียมี Mr. O.P. Lohia จากบริษัท อินโดรามา ในฐานะเป็นประธานร่วม ITJBF ฝ่ายอินเดีย นำสมาชิกคณะผู้แทนเอกชนอินเดียประมาณ 20 คน

ในการประชุม ITJBF ครั้งนี้ได้มีการหารือถึงโอกาสในการเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนทวิภาคีของทั้งสองประเทศ จากปัจจุบันที่มูลค่าการค้าระหว่างกันลดลงจาก 8.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 8 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงปี 2557-2558 โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 2 เท่าจาก 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2564 โดยทั้งสองฝ่ายจะแสวงหาสินค้าและบริหารใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้ในนโยบายการค้าเสรี

รวมทั้งยังได้มีการนำเสนอโอกาสและอุปสรรคทั้งในด้านการค้าและบริการ ภายใต้นโยบาย Early harvest และ FTA ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เคมี อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น

นอกจากนี้ การประชุม ITJBF ยังได้มีการหารือเกี่ยวกับการลงทุนระหว่างกัน โดยรัฐบาลไทยส่งเสริมให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “Make in India” ที่รัฐบาลอินเดียได้มีการส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติมาลงทุนในอินเดีย คาดว่าไทยจะลงทุนในอินเดียเพิ่มขึ้น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปีข้างหน้า

โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การลงทุนของไทยในอินเดียมีมูลค่า 245 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในทางกลับกันการลงทุนของอินเดียในไทยมีมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเอกชนไทยได้มีความสนใจลงทุนที่อินเดียในสาขาธุรกิจ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน และโรงแรม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นอุปสรรสำหรับการค้าและการลงทุนในอินเดีย คือ ความแตกต่างของนโยบายระหว่างรัฐบาลกลางและในแต่ละรัฐบาลท้องถิ่นของอินเดีย รวมถึงการบูรณาการระหว่างกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก่อให้เกิดความสะดวกแก่นักลงทุน ตลอดจนการขออนุมัติวีซ่ายังมีความล่าช้า และค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน หากสิ่งเหล่านี้ได้รับการแก้ไขก็จะทำให้เกิดความเชื่อมโยงทางธุรกิจระหว่างสองประเทศได้ง่ายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในการประชุมยังได้มีการกำหนดกิจกรรมการทำงานร่วมกัน (Work plan) โดยจะมีการรายงานผลให้รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้รับทราบ เพื่อที่จะเป็นแนวทางให้กับภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาและส่งเสริมการค้า การลงทุนระหว่างไทยและอินเดีย โดยการประชุม ITJBF จะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง โดยครั้งหน้าประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการประชุมฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น