ผู้จัดการรายวัน 360 - คณะทำงานประชารัฐด้านการส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนในต่างประเทศ เสนอรัฐ จัดตั้งโครงการ 1 หมื่นล้านบาท ผุดศูนย์การค้าครบวงจร “Viet - Thai Commercial Center” กลางเมืองโฮจิมินห์ หวังยกอันดับธุรกิจไทยลงทุนในเวียดนามติด 1 ใน 10 จาก 110 ประเทศ พร้อมขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ “ไทย-เวียดนาม” เข้าเป้า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม เปิดเผยว่า ในวาระที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีสัมพันธภาพทางการทูตครบ 40 ปีในปี 2559 นายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนามจึงมีดำริที่จะขยายมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งสองจากปีละ 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน เป็นปีละ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 (ค.ศ. 2020) เพื่อให้อันดับการลงทุนของธุรกิจไทยในเวียดนามติดอันดับ 1 ใน 10 ของนักลงทุนต่างชาติทั้งหมด 110 ประเทศที่ลงทุนในเวียดนาม โดย ณ สิ้นปี 2558 ไทยอยู่ในอันดับที่ 11 คิดเป็นทุนจดทะเบียนรวม 7.36 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตกจากที่เคยอยู่ในอันดับ 9 เมื่อปี 2556
นายสนั่นกล่าวอีกว่า ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าทีมภาคเอกชน ในคณะทำงานประชารัฐ ด้านการส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนในต่างประเทศ จึงเสนอแนวคิดไปยังรัฐบาลเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อจัดตั้งโครงการ “Viet - Thai Commercial Center” ซึ่งเป็นโครงการศูนย์การค้าไทย-เวียดนามครบวงจรในลักษณะคอมเพล็กซ์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณารายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ ในการดำเนินงานก่อนที่จะสรุปผลได้ภายในสิ้นปี 2559
“โครงการ Viet - Thai Commercial Center มีลักษณะเป็นการร่วมทุนระหว่างภาคเอกชนไทยกับเวียดนาม โดยรัฐบาลทั้งสองประเทศจะให้การสนับสนุนสิทธิประโยชน์พิเศษต่างๆ แก่ภาคเอกชนทั้งสองประเทศ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะจัดตั้งโครงการฯ ที่เมืองโฮจิมินห์ ล่าสุดมีนักลงทุนท้องถิ่นที่ครอบครองที่ดินในเวียดนามนับ 1 พันไร่ ประมาณ 3 รายให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการ ขณะที่ฝ่ายไทยก็มีกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและพัฒนาที่ดินหลายกลุ่มให้ความสนใจเช่นกัน ทั้งกลุ่มสยามพิวรรธน์, กลุ่มซีพี, กลุ่มที.ซี.ซีฯ เป็นต้น”
สำหรับรูปแบบของโครงการฯ จะเป็นการส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยเข้าไปทำการค้าและลงทุนในธุรกิจที่ไทยมีประสบการณ์และความชำนาญ เช่น ธุรกิจอาหาร, จิวเวลรี, แฟชั่น, ยาและสมุนไพร, สปาและบิวตี้ รวมถึงคลินิกศัลยกรรมความงาม นอกจากนั้นยังจะใช้เป็นสถานที่ตั้งของสายการบิน บริษัทนำเที่ยว สถาบันการเงิน และหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงานฯ สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และอื่นๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่นักลงทุนทั้งสองประเทศ ขณะเดียวกันยังจะเป็นจุดศูนย์รวมธุรกิจต่างๆ ที่มีชื่อเสียงของเวียดนามด้วย
นายสนั่นกล่าวด้วยว่า ภายใต้โครงการ “Viet - Thai Commercial Center” ยังจะมีโครงการ “พี่จูงน้อง” ซึ่งเป็นโครงการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างนักลงทุนไทยกับนักลงทุนเวียดนาม โดยมีนักลงทุนและธุรกิจไทยที่มีประสบการณ์การลงทุนในเวียดนาม เช่น กลุ่มซีพี, กลุ่มเอสซีจี, กลุ่มเซ็นทรัล, กลุ่มไทยเบฟ, บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) และอื่นๆ รวม 12 ราย ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ธุรกิจเอสเอ็มอีและนักลงทุนไทยรุ่นใหม่ได้ร่วมทำการค้ากับนักลงทุนเวียดนาม
“ในโครงการพี่จูงน้อง เบื้องต้นได้ข้อสรุปให้บริษัทพี่เลี้ยงแต่ละรายทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU กับบริษัทน้อง 3 ราย เป็นระยะเวลา 2 ปีเพื่อให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำทุกๆ ด้าน ทั้งการคัดเลือกทำเลที่ตั้งโรงงาน การหาแรงงาน การแนะนำแหล่งเงินทุน การทำตลาด การจับคู่ธุรกิจกับนักลงทุนเวียดนาม และอื่นๆ โดยคาดว่าภายในปี 2559 จะมีธุรกิจเอสเอ็มไทยเข้าไปลงทุนในเวียดนามประมาณ 1.8 พันล้านบาท”
นายสนั่นกล่าวในตอนท้ายว่า โครงการ “Viet - Thai Commercial Center” อาจอยู่ในภาวะขาดทุนในช่วง 3-4 ปีแรกของการดำเนินงาน หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่ภาวะคืนทุนและเริ่มมีอัตราการเติบโตตามลำดับ โดยคาดว่าหากโครงการประสบความสำเร็จอาจขยายโครงการไปยังเมืองฮานอยเป็นลำดับต่อไป