xs
xsm
sm
md
lg

ศรีไทยฯ ลดเป้าลงทุนปีหน้าเหลือ 900 ล้าน เปิดตัว “THE POTTERS” จับคนรุ่นใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศรีไทยฯ หดงบลงทุนปีหน้าเหลือ 900 ล้านบาทจากเดิม 1.5 พันล้านบาท เหตุราคาน้ำมันร่วงฉุดกำลังซื้อหดตัวลง และเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยกระทบค่าเงิน ตั้งเป้าปีหน้ายอดขายโต 8% อยู่ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท จากปีนี้โตแค่ 0.5% มั่นใจ 5 ปียอดขายโตเท่าตัวจากการซื้อกิจการในต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ THE POTTERS เจาะตลาดคนรุ่นใหม่สนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) (SITHAI) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ วางงบลงทุนไว้ที่ 900 ล้านบาทเพื่อใช้ลงทุนในไทย 550 ล้านบาท และขยายการลงทุนในต่างประเทศ 350 ล้านบาท โดยในไทยจะลงทุนบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม และแม่พิมพ์เพิ่มขึ้น ส่วนในต่างประเทศนั้นจะเน้นลงทุนในเวียดนาม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการโรงงานผลิตภัณฑ์พลาสติกหลายแห่ง คาดว่าปีหน้าจะเจรจาซื้อสำเร็จอย่างน้อย 1 โรง เพื่อรองรับความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนอินเดีย ได้มีผู้เสนอขายโรงงานให้ 2 รายแต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อกิจการช่วงนี้

“เดิมบริษัทฯ กำหนดงบลงทุนปีหน้าใกล้เคียงปีนี้ที่ 1,500 ล้านบาท แต่ได้ปรับลดงบลงทุนเหลือ 900 ล้านบาทแทน เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลงรุนแรงทำให้กำลังซื้อหดตัวลง กระทบเศรษฐกิจโลก และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทำให้กระทบต่อค่าเงิน จึงไม่อยากลงทุนเต็มที่ จึงตัดสินใจชะลอการลงทุนในบางประเทศ เช่น อินโดนีเซียออกไป รวมทั้งมีการโยกเครื่องจักรเดิมในไทยไปติดตั้งในต่างประเทศแทนทำให้ไม่ต้องซื้อเครื่องจักรใหม่”

ทั้งนี้ ในปีหน้าบริษัทฯ วางเป้าหมายยอดขายรวม 1.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 8% มาจากยอดขายในประเทศ 70% ที่เหลือส่งออก 30% โดยปีนี้ยอมรับว่ายอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ต้นปีว่าจะเติบโต 12% แต่ปี 2558 บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อน 0.5% เนื่องจากราคาวัตถุดิบ คือเม็ดพลาสติกปรับตัวลง 20% ตามทิศทางราคาน้ำมัน ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวลงด้วย 10% แต่หากพิจารณาจากปริมาณการขายพบว่าโตขึ้นจากปีก่อน 10%

อย่างไรก็ตาม ใน 5 ปีข้างหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายศรีไทยฯ ไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท หรือโตขึ้นเท่าตัว โดยยอดขายที่โตขึ้นมาจากธุรกิจปัจจุบันเพียง 50% และอีก 50% มาจากการซื้อกิจการโรงงานต่างๆ ในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้บริษัทโตได้อย่างก้าวกระโดด ทำให้ฐานการผลิตของศรีไทยฯ เปลี่ยนจากไทยเป็นต่างประเทศแทน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานการผลิตอยู่ที่เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย และล่าสุดได้ถือหุ้น 15% ตั้งโรงงานผลิตเมลามีนที่จีน คาดว่าใน 10 ปีข้างหน้าฐานการผลิตที่เวียดนามจะใหญ่กว่าหรือเท่ากับไทย เนื่องจากเวียดนามมีประชากรมากกว่าไทย รวมทั้งสามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศกัมพูชา ลาว และจีนได้ง่ายกว่าไทย

นายสนั่นกล่าวต่อไปว่า ฐานการผลิตในไทยไม่โตขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เมลามีนและพลาสติกค่อนข้างอิ่มตัว และไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในเร็วๆ นี้ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านมีประชากรวัยหนุ่มสาว และค่าแรงต่ำ มีความต้องการใช้มาก บริษัทฯ จึงหันไปขยายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยล่าสุดมี 3 โรงงานในเวียดนาม และ 2 โรงงานในอินโดนีเซีย และโรงงานผลิตเมลามีนในอินเดีย เป็นต้น

เนื่องจากปีหน้าบริษัทฯ จะรุกตลาดอาเซียนเพิ่มมากขึ้น และมีแผนจะนำบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เวียดนาม เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยช่วงไตรมาส 2/2560 โดยให้เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งก็อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน แต่ทั้งนี้จะสามารถนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตามกำหนดหรือไม่นั้นคงต้องขึ้นอยู่กับภาวะตลาดทุนในช่วงนั้นด้วย

ในปีนี้ ศรีไทยฯ เวียดนาม มียอดขาย 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 200 ล้านบาท และปีหน้าตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2 พันล้านบาท โตขึ้น 20% จากการลงทุนตั้งโรงงานใหม่และการซื้อกิจการ โดยวางเป้าหมาย 5 ปีนี้ยอดขายที่เวียดนามจะโตปีละ 20%

นายสนั่นกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา 52 ปี ผลิตภัณฑ์เมลามีนศรีไทยฯ ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากผู้บริโภคทั้งไทยและต่างประเทศ และเพื่อสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ทั้งรูปแบบและลวดลายที่มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อที่ไม่เน้นซื้อเป็นคอลเลกชันใหญ่ๆ เหมือนคนรุ่นก่อน เนื่องจากขนาดที่อยู่อาศัยเล็กลงทำให้ไม่มีพื้นที่เก็บและเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ดังนั้น ศรีไทยฯ จึงได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อเดอะ พอตเตอร์ (THE POTTERS) โดยมีนางสาวปิยะพร อังอุบลกุล ที่จบการศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์จากอังกฤษมาช่วยออกแบบให้

โดยการออกแบบมีการสร้างคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนเป็นตัวเดินเรื่อง เพราะมีความเป็นสากล เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย ผสมผสานรายละเอียดการออกแบบแนวคลาสสิกยุคปี 1700 ของทางยุโรป เลือกใช้สีพาสเทลให้อารมณ์นุ่มนวล ซึ่งกลุ่มลูกค้าเดอะพอตเตอร์จะเป็นกลุ่มลูกค้าเฉพาะ วางเป้ายอดขายปี 2559 ที่ 60 ล้านบาท และปีถัดไปเพิ่มขึ้นเป็น 90 ล้านบาท

ทั้งนี้ เดอะพอตเตอร์ได้มีการทำตลาดที่ประเทศฮ่องกงมาแล้ว 1 ปี ก่อนจะมาทำตลาดในไทย โดยได้วางตลาดที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล 6 สาขา ก่อนจะขยายไปครบทุกสาขาทั้งใน และต่างประเทศในเครือเซ็นทรัล
กำลังโหลดความคิดเห็น