xs
xsm
sm
md
lg

“สมคิด” ลั่น! ปีนี้ไม่มีหดเป้าส่งออก ยืน 5% เป็นหลัก สั่งเพิ่มคนช่วยเจาะตลาดจีน CLMV และญี่ปุ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“สมคิด” ลั่นปีนี้ไม่มีหดเป้าส่งออก ยืนตัวเลข 5% เป็นหลัก สั่งเพิ่มบุคลากรช่วยกันเจาะตลาดจีน CLMV และญี่ปุ่น หลังประเมินมีโอกาสสูง ปิ๊งไอเดียดันเปิดร้านขายของชำในตลาดต่างประเทศเป็นแหล่งขายสินค้าไทย พร้อมเบรกคนพาณิชย์หัวทิ่ม “ผมให้มาชี้แจงแผน ไม่ใช่มาบอกอะไรเป็นปัจจัยลบ” ด้าน “พาณิชย์” เล็งของบ ครม.ผุดศูนย์กระจายสินค้าเกษตร ก่อนดันออกสู่ตลาดโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ม.ค.) กระทรวงพาณิชย์ได้จัดให้มีการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เดินทางมามอบนโยบายการทำงานและร่วมพิจารณาแผนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศปี 2559 เพื่อผลักดันให้เป้าหมายการส่งออกปีนี้เป็นไปตามที่ตั้งไว้ที่ 5% มูลค่า 2.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

นายสมคิดกล่าวภายหลังมอบนโยบายว่า ได้ให้กำลังใจทูตพาณิชย์ในการทำงาน เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะซบเซา แต่ปี 2558 การส่งออกของไทยคาดว่าจะติดลบประมาณ 5% เท่านั้น น้อยกว่าประเทศอื่นที่ติดลบมากกว่า โดยการส่งออกไทยติดลบน้อยเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากจีน ฮ่องกง และเม็กซิโก ส่วนปีนี้จะไม่ปรับเป้าการส่งออกแน่นอน แต่ไม่ได้บอกว่าการส่งออกจะต้องเป็นเท่าไร แต่จะทำให้ได้มากที่สุด

“ผมได้ฝากให้กระทรวงพาณิชย์ไปผลักดัน ขอให้เพิ่มแผนทำตลาดเชิงลึก โดยเน้นจีน CLMV ญี่ปุ่น ให้ไปเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นแบบว่าจ้างงานชั่วคราว ซึ่งงบที่ว่าจ้างคนเพิ่มเติม เชื่อว่าจะคุ้มค่าแน่นอน และให้วางแผนเพื่อสร้างฐานในอนาคต โดยให้มองตลาด CLMV คือบ้านเดียวกับไทย โดยจะต้องทำแผนใน 3 ปีข้างหน้าว่าจะผลักดันตลาดอย่างไรให้มีการส่งออกได้เพิ่มขึ้น หรือให้เริ่มใช้ประโยชน์จากการค้าชายแดนที่ผู้ประกอบการมีความคุ้นเคยอยู่แล้ว”

นอกจากนี้ ขอให้เพิ่มความถี่ในการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้าระดับสูงให้บ่อยขึ้น และให้ดึงรัฐมนตรีจากกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุม เพราะการเปิดตลาดใหม่ ภาครัฐต้องให้การสนับสนุนเอกชนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกด้านการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบ ด้านการเงิน และอื่นๆ

นายสมคิดกล่าวว่า ได้ฝากให้พิจารณาเพิ่มช่องทางการขายสินค้าไทย โดยให้เปิดร้านขายของชำในต่างประเทศ เพื่อรองรับสินค้าเกษตร เช่น ผลไม้ หรือสินค้าจากโครงการ 1 ตำบล 1 เอสเอ็มอี เหมือนกับประเทศเวียดนามที่มีร้านขายของชำกระจายอยู่ในหลายประเทศ ทำให้สินค้าเวียดนามเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า โดยก่อนหน้านี้ไทยก็เคยมีช่องทางลักษณะนี้ แต่ได้ลดน้อยลงไป จึงอยากให้ฟื้นขึ้นมาเช่นเดิม

ส่วนช่องทางอื่นๆ ขอให้เน้นเรื่องอี-คอมเมิร์ซ โดยสั่งให้ไปทำแผนเพื่อตั้งเว็บไซต์กลางที่มีความน่าเชื่อถือ จากนั้นให้นำสินค้าที่มีคุณภาพเข้าไปอยู่ในเว็บไซต์ และทำการโปรโมตเพื่อให้เกิดการค้าได้จริง และต้องทำให้เสร็จภายใน 3 เดือน โดยมอบหมายให้นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เป็นเจ้าภาพทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงไอซีที

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้ากระทรวงพาณิชย์จะเสนอของบประมาณ 700 ล้านบาท ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำมาใช้จัดทำโครงการศูนย์กระจายสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นการยกระดับราคาสินค้าเกษตรไทยเชื่อมโยงไปสู่สากล โดยศูนย์กระจายสินค้าดังกล่าวจะประกอบด้วยคลังเก็บสินค้าและห้องเย็น เพื่อวางระบบตรวจสอบ และรวบรวมสินค้าเกษตร ก่อนจะกระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ตามนโยบายที่นายสมคิด ที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ผลักดันสินค้าเกษตรไทยสู่ตลาดโลก โดยมีจังหวัดเป้าหมายที่จะดำเนินการเบื้องต้น 10 แห่ง ได้แก่ อุดรธานี ราชบุรี นครศรีธรรมราช เชียงราย จันทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร พิษณุโลก และสระแก้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการมอบนโยบายกระทรวงพาณิชย์ โดย น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ได้นำเสนอว่าการส่งออกได้ตั้งเป้าไว้ 5% แต่หน่วยงานอื่นมองโต 2-3% การจะผลักดันให้ขยายตัวได้ 5% ต้องส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 1.88 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จากนั้นได้เริ่มพูดถึงปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออก เริ่มจากการติดตามการลงทุนในประเทศ ราคาน้ำมัน และกำลังจะต่อด้วยปัจจัยลบ นายสมคิดจึงแย้งขึ้นมาว่า “ไม่ต้องบอก ผมได้ให้เป็นนโยบายไปแล้ว ให้บอกมาเลยว่าจะทำอะไร” หลังจากพูดจบ ในที่ประชุมเงียบไปชั่วขณะ นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จึงได้ขอให้เอกชน โดยนายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย เป็นผู้เสนอแผนผลักดันการส่งออกแทน

















กำลังโหลดความคิดเห็น