ผู้ส่งออกเกาะติดผลการลงประชามติอังกฤษจะออกจากอียูหรือไม่ 23 มิ.ย.นี้ ยอมรับหากออกกระทบส่งออกแน่นอน เผยครึ่งปีแรกปีนี้คาดการส่งออกไทยจะติดลบ 2% หลัง 4 เดือนติดลบแล้ว 1.24% ทั้งปีอาจโตได้ 0% พร้อมลุ้นประชามติร่างรัฐธรรมนูญของไทย 7 ส.ค. 59 ให้ผ่านไม่เช่นนั้นกระทบเศรษฐกิจภาพรวมอีก
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และรองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกต่างติดตามกรณีที่ประเทศอังกฤษจะลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป (อียู) วันที่ 23 มิ.ย.นี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากอังกฤษตัดสินใจออกจริงจะสร้างความผันผวนต่อระบบเศรษฐกิจอียูและกระทบการส่งออกในช่วงระยะกลางและระยะยาวได้
“ขณะนี้เราก็ต้องติดตามใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมาการจัดทำโพลของอังกฤษเองก็ระบุว่าส่วนใหญ่เสียงสนับสนุนให้ออกจากอียู แต่ล่าสุดมีการทำโพลใหม่บอกเสียงส่วนใหญ่คาดว่าจะไม่ออกจากอียู ก็คงต้องดูวันที่ 23 มิ.ย.นี้ว่าที่สุดจะอย่างไรแน่ ซึ่งหากออกผลกระทบจะมีมากกว่าแน่นอนโดยมองว่าจะกระทบในระยะกลางและระยะยาว แต่หากเป็นตลาดเงินและทุนจะกระทบระยะสั้นทันที” นายวัลลภกล่าว
ทั้งนี้ หากอังกฤษมีประชามติออกจากอียูจริงจะต้องติดตามผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม กล่าวคือ กรณีอังกฤษเองไทยค้าขายด้วยประมาณ 2% จากภาพรวมทั้งหมดเท่านั้นจึงไม่กระทบมากนัก ขณะที่ตลาดอียูอื่นๆ ระยะสั้นจะไม่เห็นภาพชัดเจน แต่ระยะกลางและระยะยาวอาจมีผลต่อความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวได้ทำให้แรงซื้อลดลงและจะสะท้อนกลับมายังตลาดส่งออกชะลอตาม รวมไปถึงความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินในภูมิภาคนี้ แต่กรณีอัตราแลกเปลี่ยนของไทยน่าจะมีทิศทางที่อ่อนค่าซึ่งก็จะได้เปรียบในจุดนี้เช่นกัน
นายวัลลภกล่าวว่า การส่งออกของไทยในครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 59) คาดว่าจะยังคงติดลบ 2% ในภาพรวม เนื่องจากการส่งออก 4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-เม.ย. 59) สะสมติดลบไปแล้วถึง 1.24% และแนวโน้มการส่งออก 2 เดือนที่เหลือก็ยังไม่ได้เติบโตมากนัก ส่วนครึ่งปีหลังประเมินว่าภาพรวมการส่งออกหากไม่มีปัจจัยเรื่องอังกฤษเข้ามาจะค่อยๆ ฟื้นตัวมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามภาพรวมการส่งออกทั้งปี 2559 ดีสุดก็อาจจะโตได้ 0%
“ยังประเมินยากเรื่องส่งออกครึ่งปีหลังจะกระทบมากน้อยเพียงใดเพราะมีปัจจัยอังกฤษจะออกจากอียูหรือไม่ และเมื่อออกแล้วก็ยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งระยะสั้นจะมีแน่นอนในเรื่องของค่าเงินแต่นักลงทุนเองบางส่วนก็ได้มีการเคลื่อนย้ายไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและปลอดภัยกว่า ซึ่งจะเห็นว่าทองคำจะมีราคาขาขึ้นอีกครั้ง” นายวัลลภกล่าว
แหล่งข่าวจาก ส.อ.ท.กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมเริ่มขยับตัวดีขึ้นเล็กน้อยและมองว่าครึ่งปีหลังจากมาตรการกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเบิกจ่ายงบประมาณที่ดีขึ้นจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่สำคัญที่ต้องติดตามคือการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. 2559 หากไม่ผ่านจะสร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมากแต่ก็เชื่อว่าน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี