เอเอฟพี/รอยเตอร์ - น้ำมันดิ่งลงแรงเกือบ 2 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) ความกังวลชาวอังกฤษโหวตออกจากสหภาพยุโรป ปัจจัยนี้ผลักนักลงทุนแสวงหาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำดันราคาทองคำพุ่งขึ้น แต่วอลล์สตรีทปิดบวกในกรอบแคบๆ นักลงทุนชะลอดูว่าข่าวคราวการเสียชีวิตของ ส.ส.แดนผู้ดีจะส่งผลกระทบต่อการลงประชามติหรือไม่
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.21 ดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 1.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.19 ดอลลาร์ ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม
ในขณะที่ประชามติอังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรือไม่เหลือเวลาอีกไม่ถึงสัปดาห์ คะแนนนิยมของทั้งสองฝ่ายออกมาสู่สีอย่างมาก แถมแนวโน้มยังมุ่งไปทาง “แยกตัว” มากกว่า
ความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปหรือ Brexit กระพือความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจอังกฤษและอียู รวมถึงอาจก่อแรงกระเพื่อมไปทั่วเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแออยู่ก่อนแล้ว
ทั้งนี้ ความกังวลว่าประชามติในอังกฤษจะกระพือความไม่แน่นอนแก่เศรษฐกิจเพิ่มเติม ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และช่วยดันราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) ปิดบวกแรง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์เพิ่มขึ้น 10.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,298.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2015
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) ขยับขึ้นเล็กน้อย นักลงทุนชะลอดูว่าข่าวคราวการเสียชีวิตของ ส.ส.อังกฤษรายหนึ่งจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหนต่อการลงประชามติตัดสินชะตาอยู่หรือไปในยุโรป
ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 92.93 จุด (0.53 เปอร์เซ็นต์) ปิด 17,733.10 จุด เอสแอนด์พีเพิ่มขึ้น 6.49 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,077.99 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 9.98 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,844.92 จุด
วอลล์สตรีทและตลาดโลกอยู่ในภาวะอึมครึมมานานนับสัปดาห์ ท่ามกลางเค้ารางแห่งความไม่แน่นอนของผลการลงประชามติแยกตัวจากอียูของอังกฤษ ขณะที่ในวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) ทั้งฝ่ายหนุนและต้านตัดสินใจระงับการรณรงค์หาเสียง หลัง โจ ค็อกซ์ ส.ส.จากพรรคเลเบอร์ ซึ่งสนับสนุนใหัอังกฤษอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป ถูกยิงและแทงเสียชีวิตกลางถนนในเมืองเบิร์สทอล เขตเวสต์ ยอร์กเชียร์
เหล่านักวิเคาะห์ระบุยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อศึกลงประชามติมากน้อยแค่ไหน
นอกจากนี้แล้วนักลงทุนยังทบทวนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากในวันพุธ (15 มิ.ย.) เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม แต่ส่งสัญญาณว่ายังคงมีแผนขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
