รอยเตอร์/เอเอฟพี - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมในวันพุธ (15มิ.ย.) สืบเนื่องจากความกังวลว่าตลาดโลกอาจเกิดความยุ่งเหยิงท่ามกลางเค้าลางว่าชาวอังกฤษอาจลงประชามติเลือกพ้นจากการเป็นสมาชิกของยุโรป (Brexit)
แม้มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดบอกว่า ประชามติในวันที่ 23 มิถุนายน ซึ่งจะตัดสินชะตาว่าอังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดคงนโยบายทางการเงินตามเดิม
“ชัดเจนว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่สำคัญอย่างยิ่งต่ออังกฤษและต่อยุโรป” นางเยลเลนกล่าวระหว่างแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) “มันคือการตัดสินใจที่ก่อผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสภาวะทางการเงินในตลาดการเงินโลก และมันอาจก่อผลกระทบต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่นกัน”
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ ลงมติตามความคาดหมายด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม อยู่ที่ 0.25% ถึง 0.50%
เฟดคาดว่าสภาวะเศรษฐกิจจะปรับตัวในลักษณะที่สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเฟดจะจับตาอย่างใกล้ชิดต่อพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจและการเงิน ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ เฟดยังคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ครั้งละ 0.25% ขณะที่กรรมการเฟดจำนวนมากขึ้นคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง และระบุว่านโยบายในอนาคตของเฟดจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจจากข้อมูลที่เฟดได้รับ
ส่วนในปีหน้าเฟดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 3 ครั้ง โดยลดลงจากระดับ 4 ครั้งที่ระบุในเดือนมีนาคม และคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2018 ลดลงจากระดับ 4 ครั้งที่ระบุในเดือนมีนาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีความวิตกลดน้อยลงต่อภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางแห่งนี้รู้สึกประหลาดใจต่อสถานการณ์ที่พลิกกลับในทางลบอย่างฉับพลันในตัวเลขการจ้างงานของเหล่าบริษัทสหรัฐฯ ประจำเดือนพฤษภาคม เช่นเดียวกับการลงทุนภาคธุรกิจและอัตราเงินเฟ้อระดับต่ำเรื้อรัง ขณะที่คะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของฝ่ายต่อต้านอียูในอังกฤษในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้กระพือความกังวลหนักหน่วงขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบต่อตลาดที่มิอาจคาดเดาได้
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเยลเลนเคยเตือนว่าผลประชามติอังกฤษแยกตัวออกจากยูโรอาจก่อผลสะท้อนทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ท่ามกลางความไม่แน่นอนในสถานการณ์ระหว่างประเทศและยอดการจ้างงานที่หยุดชะงัก คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกาจาก 2.2% เหลือ 2.0% ในปีนี้ และจากเดิม 2.1% เหลือ 2.0% เช่นกันในปี 2017
อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการยังเชื่อมั่นมากพอว่าการจ้างงานจะกลับมาแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าพวกเขายังคาดหมายว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในช่วง 6 เดือนข้างหน้า สู่ระดับเกือบๆ 1.0%
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงคาดหมายว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดขึ้นสู่ระดับเป้าหมาย 2.0% ในระยะกลาง แต่พวกเขาบอกว่าจะจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด