“พาณิชย์” นำทีมพบเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ รับฟังความคิดเห็นความตกลง TPP ยืนยันไทยไม่อนุญาตให้นำเข้าพืช GMOs การจดลำไยเป็นพันธุ์พืชใหม่ในต่างประเทศก็ทำไม่ได้ ส่วนข้อเสนอแนะพร้อมนำเสนอรัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือต่อไป
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้กระทรวงพาณิชย์ได้ลงพื้นที่พร้อมกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและกรมวิชาการเกษตร ที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ความรู้แก่ภาคเกษตรกรภาคเหนือตอนบนซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าว ลำไย และลิ้นจี่ที่สำคัญของประเทศ เกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) โดยมีประธานสภาเกษตรกรจังหวัด ผู้แทนสภาเกษตรกรเครือข่ายเกษตรกรตำบลและหมู่บ้าน จาก 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน น่าน พะเยา เชียงราย และแพร่ ประมาณ 300 คนเข้าร่วม
ทั้งนี้ เกษตรกรได้แสดงความกังวลในประเด็นเกี่ยวกับการนำเข้าพืชที่มีการตัดต่อทางพันธุกรรม (GMOs) ซึ่งได้ยืนยันไปว่า TPP กำหนดให้เป็นการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้น และไทยเองก็มีพ.ร.บ.กักพืช พ.ศ. 2507 ที่ไม่อนุญาตให้มีการนำเข้าพืช GMOs อยู่แล้ว ส่วนกรณีที่จะมีการขอจดลำไยเป็นพันธุ์พืชใหม่ในต่างประเทศ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะลำไยเป็นพืชสงวนภายใต้ พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ. 2518 ซึ่งห้ามการส่งออกส่วนขยายพันธุ์ และลำไยสีชมพูมีการปลูกอย่างแพร่หลายในไทยแล้ว ขณะที่ประเด็นการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและนักลงทุน (ISDS) หากพิจารณาในมุมมองของนักลงทุนไทยจะเป็นเครื่องมือคุ้มครองนักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ
นายวินิจฉัยกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับทราบข้อเสนอของเกสรกรที่ต้องการให้ภาครัฐดำเนินการ เช่น มาตรการในการลดต้นทุนการผลิต การส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การพัฒนาเมล็ดพันธุ์และการดูแลเรื่องสารตกค้างในเมล็ดพันธุ์ให้มีการยอมรับมาตรฐานสินค้าระหว่างกัน (MRA) เพื่อให้การส่งออกรวดเร็ว และลดต้นทุนในการตรวจสอบ และยังต้องการให้ภาครัฐเจรจาลดอุปสรรคทางการค้าในการส่งสินค้าไปขายยังประเทศจีนที่ต้องผ่านประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว เพื่อให้การค้าสะดวก รวดเร็ว และลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า
สำหรับข้อกังวลเรื่องเมล็ดพันธุ์ราคาแพงนั้นได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันภาครัฐได้เข้ามาช่วยพัฒนาเมล็ดพันธุ์ลูกผสม และจัดตั้งศูนย์เมล็ดพันธุ์เพื่อแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีราคาถูกให้เกษตรกรแล้ว
“เกษตรกรขอให้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้ทราบถึงประโยชน์และผลกระทบที่จะได้รับ และต้องการให้ภาครัฐมีมาตรการรองรับ ซึ่งกระทรวงฯ มีความยินดีที่จะทำงานร่วมกับเกษตรกร สภาเกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับทราบข้อมูลของทุกภาคส่วน ซึ่งในส่วนของข้อเสนอแนะและมาตรการเยียวยา ก็พร้อมที่จะนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณา และในส่วนของข้อดีและข้อเสียก็จะนำไปประเมินแนวทางการดำเนินการของไทยต่อไป” นายวินิจฉัยกล่าว
