“โกลว์พลังงาน” มั่นใจได้ข้อสรุป มิ.ย.นี้ เพื่อเดินหน้าเจรจาต่อสัญญาซื้อขายไฟ SPP ที่จะสิ้นสุดปี 60-61 จำนวน 2 โรง และศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้โครงการและเทคโนโลยี รวมทั้งขนาดโรงไฟฟ้าที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนในส่วน SPP ที่จะต้องก่อสร้างโรงใหม่ ยอมรับหลักเกณฑ์รับซื้อไฟ SPP ของ กพช.มีผลทำให้ SPP บางโรงต้องปิด
แหล่งข่าวจากบริษัท โกลว์พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาภายในองค์กรว่าจะตัดสินใจอย่างไร หลังจากมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับแนวทางสนับสนุนผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กประเภทโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในนิคมอุตสาหกรรม (SPP-Cogeneration) ที่จะสิ้นสุดสัญญาในปี 2560-2568 โดย SPP กลุ่มแรกที่จะสิ้นสุดสัญญา 2560-2561 จะต่ออายุสัญญา 3 ปี รับซื้อไฟไม่เกิน 60 เมกะวัตต์ในราคาค่าไฟที่ 2.3753 บาท/ kWh โดยเบื้องต้นบริษัทจะเร่งดำเนินการให้มีความชัดเจนภายในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อเริ่มต้นเจรจาต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้า SPP ที่จะสิ้นสุดสัญญาในปี 2560-2561 จำนวน 2 โรง กับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะต้องศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ของโครงการ เมื่อต้องลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ ภายใต้เงื่อนไขว่ารัฐจะรับซื้อไม่เกิน 30 เมกะวัตต์/โรง ที่อัตราค่าไฟ 2.8186 บาท/ kWh เป็นระยะเวลา 25 ปี โดยจะต้องพิจารณาถึงเทคโนโลยีการผลิตใหม่เพื่อให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำ รวมทั้งอาจจะต้องพิจารณาปรับขนาดโรงไฟฟ้าให้เหมาะสมจากเดิมบางโรง มีขนาดกำลังผลิตใหญ่กว่า 100-120 เมกะวัตต์ โดยยอมรับว่าปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าที่ 30 เมกะวัตต์นั้นค่อนข้างต่ำ แต่ก็ดีกว่าครั้งแรกที่รัฐจะรับซื้อเพียง 18 เมกะวัตต์
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ด้วยเงื่อนไขหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ กพช.กำหนดมานี้ เชื่อว่าอาจมีโรงไฟฟ้า SPP บางโรงจากทั้งหมด 25 โรงไม่สามารถทำได้ สุดท้ายก็อาจจะต้องหยุดผลิตไฟฟ้าและไอน้ำหลังจากสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟ อันจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่เคยรับไฟจากโรงไฟฟ้าดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโกลว์ฯ ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ชัดต้องหารือกันก่อน เนื่องจากบริษัทฯมีสัญญาโรงไฟฟ้า SPP ที่ใช้ก๊าซฯ จะสิ้นสุดการรับซื้อ 7 สัญญา คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ ซึ่งปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าจากรัฐจะมีส่วนช่วยให้เดินเครื่องได้ดีขึ้น ส่วนไฟฟ้าที่เหลือก็จะต้องหาโรงงานอุตสาหกรรมรับซื้อเพิ่มมากขึ้น
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ นายกสมาคมผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน กล่าวว่า อัตราซื้อไฟฟ้าตามมติ กพช.ในกลุ่มโรงไฟฟ้าใหม่ยังต่ำเกินไป ประเมินแล้วอาจมีโรงไฟฟ้าที่เดินหน้าต่อไปได้ไม่กี่ราย เพราะจะมีผลกระทบต่อต้นทุน ซึ่งทางสมาคมฯจะเรียกประชุมสมาชิกเพื่อหารือเรื่องดังกล่าวและกำหนดท่าทีต่อไป
ทั้งนี้ กพช.ได้มีมติเห็นชอบแนวทางสนับสนุนSPPที่จะสิ้นสุดสัญญาการซื้อขายไฟปี 2560-2568 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 : SPP-Cogeneration ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญาภายในปี 2560-2561 (ต่ออายุสัญญา) ให้มีระยะเวลาสัญญา 3 ปี ปริมาณรับซื้อไม่เกิน 60เมกะวัคต์ และไม่เกินกว่าปริมาณขายไฟฟ้าตามสัญญาเดิม ราคารับซื้อไฟฟ้า (ณ ราคาก๊าซ 263 บาท/MMBTU) ในอัตรา 2.3753 บาท/kWh และกลุ่มที่ 2 SPP ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญาภายในปี 2562-2568 (ก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่) ให้มีระยะเวลาสัญญา 25 ปี ปริมาณรับซื้อไม่เกิน 30 เมกะวัตต์ และไม่เกินร้อยละ 30 ของกำลังผลิตไฟฟ้าสุทธิรวมไอน้ำ และจะต้องไม่เกินกว่าปริมาณขายไฟฟ้าตามสัญญาเดิม ราคารับซื้อไฟฟ้า ในอัตรา 2.8186 บาท/kWh โดย SPP ที่ได้รับสิทธิการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ให้ดำเนินการก่อสร้างได้ในพื้นที่เดิม หรือพื้นที่ใกล้เคียงนิคมอุตสาหกรรมและสวนอุตสาหกรรม